แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้สัญญาขายฝากที่ดินจะเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียน แต่เมื่อข้อความในสัญญาขายฝากนั้นมีว่า ถ้าผู้ขายฝากไม่ไถ่คืนใน 6 เดือน ผู้ขายฝากสละสิทธิครอบครองให้เป็นสิทธิของผู้ซื้อฝาก เมื่อผู้ซื้อฝากครอบครองที่ดินต่อมาอาจได้สิทธิครอบครองโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าได้รับซื้อฝากที่ดินมือเปล่าซึ่งมี ส.ค.๑ จากจำเลยแล้วได้เข้าครอบครอง การซื้อขายฝากได้ทำสัญญาเป็นหนังสือซึ่งมีข้อตกลงข้อหนึ่งว่าถ้าจำเลยไม่ไถ่คืนภายใน ๖ เดิอน จำเลยยอมสละสิทธิครอบครองให้เป็นสิทธิแก่โจทก์ บัดนี้เป็นเวลา ๔ ปีเศษแล้วขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองและให้จำเลยไปทำการโอนที่พิพาทให้โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ๆ หลอกลวงให้จำเลยลงชื่อในสัญญาขายฝากแทนที่จะเป็นสัญญากู้ สัญญาขายฝากจึงเป็นโมฆะเพราะเหตุนี้ และยังเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องในวันที่มีคำสั่งงดสืบพยานนั้นเอง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องแปลได้ด้วยว่าโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท เพราะเหตุว่าจำเลยสละการครอบครองให้โจทก์เมื่อจำเลยไม่ไถ่ในหกเดือนตามที่สัญญา และโจทก์ได้ครอบครองมาอันเป็นการได้สิทธิครอบครองทางอื่นนอกจากนิติกรรมขายฝากอันเป็นโมฆะนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าแม้นิติกรรมขายฝากจะเป็นโมฆะ ผู้ครอบครองก็อาจได้สิทธิครอบครองโดยการที่ผู้ครอบครองเดิมได้สละการครอบครองแล้วได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๗, ๑๓๗๗
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่