คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วัดเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 (2) เจ้าอาวาสของวัดมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 43 (1) และเป็นผู้แสดงเจตนาแทนวัดในการรักษาสมบัติของวัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เจ้าอาวาสของวัดจึงมีอำนาจเป็นผู้แทนวัด ร้องขัดทรัพย์ในนามของวัดได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อ้างว่าที่ดินที่ยึดเป็นของวัดมูลม่านหรือวัดทรายมูลพะม่า-ผู้ร้อง ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์ จำเลยเป็นเพียงผู้อาศัยปลูกเรือนอยู่เท่านั้น
จำเลยคัดค้านว่า ที่ดินรายนี้เป็นของจำเลยซื้อมาจากนายบุญเป็งแล้วครอบครองมา พระภิกษุอูอาสะภะ ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องแทนวัดทรายมูลพะม่าได้
โจทก์ไม่ได้คัดค้านคำร้องแต่ประการใด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์ที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะในข้อกฎหมายว่า พระภิกษุอูอาสะภะเจ้าอาวาสวัดมูลม่านหรือวัดทรายมูลพะม่าจะมีอำนาจร้องขัดทรัพย์แทนวัดโดยตนเองได้หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วัดมูลม่านหรือวัดทรายมูลพะม่าเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๒ (๒) พระภิกษุอูอาสะภะเป็นเจ้าอาวาสมูลม่านหรือวัดทรายมูลพะม่า มีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัด และสมบัติของวัดมูลม่านหรือวัดทรายมูลพะม่าตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๓ (๑) และเป็นผู้แสดงเจตนาแทนวัดมูลม่านหรือวัดทราบมูลพะม่าในการรักษาสมบัติของวัดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๗๕ ผู้ร้องจึงมีอำนาจเป็นผู้แทนวัดร้องขัดทรัพย์รายนี้ได้ พิพากษายืน
(อ้างฎีกาที่ ๒๕๔/๒๔๙๒)
(พิสัยสารคุณ-การุณย์นราทร-จิตติ ติงศภัทิย์)
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ – นายเผอิญ สถานสถิตย์
ศาลอุทธรณ์ – นายโกวิท ถิระวัฒน์

Share