คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุตรจำเลยในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย โจทก์ตกลงด้วยวัตถุประสงค์ของสัญญาเป็นการตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 สัญญาจึงตกเป็นโมฆะกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ขับเรือเครื่องติดท้าย (หางยาว) โดยประมาทชนเรือซึ่งนายมาลัย พูลพิพัฒน์ บุตรโจทก์ขับอยู่ เป็นเหตุให้นายมาลัยได้รับบาดเจ็บสาหัสและตาย เรือโจทก์ได้รับความเสียหาย รวมค่าเสียหายของโจทก์ ๓๘,๑๓๐ บาท แต่โจทก์ขอเรียกร้อง ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำศพให้โจทก์รวมเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท แต่แล้วกลับผิดสัญญา ขอให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ ด้วยความสงสารและเพื่อมนุษยธรรม จำเลยทั้งสองได้ช่วยเหลือออกเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลให้โจทก์รับไปแล้ว ๓,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ไม่เคยทำสัญญารับใช้ค่าเสียหาย จำเลยที่ ๒ ลงนามในสัญญาเพราะถูกหลอกลวงว่าโจทก์จะไม่ติดใจเอาเรื่อง สัญญาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ค่ารักษาพยาบาลจำเลยที่ ๑ ชดใช้ให้แล้ว ๓,๐๐๐ บาท โจทก์ควรได้รับเพียงส่วนที่ขาด สำหรับจำเลยที่ ๒ ทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เป็นการตกลงกันให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ พิพากษาแก้เป็น ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหาย ๑๗,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ไม่ควรหักเงิน ๓,๐๐๐ บาท เพราะขณะนั้นยังไม่ได้ตกลงเรื่องค่าสินไหมทดแทนแก่กัน เป็นการให้ตามศีลธรรม หากจะหักก็ต้องหักจากยอดเงินที่โจทก์จ่ายจริง สัญญายอมชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ข้อตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน ไม่เป็นโมฆะ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยทั้งสองได้จ่ายเงินให้โจทก์ไปส่วนหนึ่งแล้ว ไม่ว่าโดยเหตุผลประการใด ก็เป็นเงินที่จำเลยทั้งสองจ่ายให้โจทก์เป็นค่ารักษาพยาบาลผู้ตายนั่นเอง จะให้จำเลยที่ ๑ จ่ายเป็นสองซ้ำอีกไม่ได้ ส่วนสัญญาชดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๒ ทำให้โจทก์ไว้ ได้ความว่า ขณะจำเลยที่ ๒ ทำสัญญานี้ คดียังไม่ถึงตำรวจ จำเลยทั้งสองได้มาขอร้องไม่ให้แจ้งความโดยยินยอมจะชดใช้ค่าเสียหายให้ และเพื่อจะไม่ให้โจทก์เอาเรื่องในการที่จำเลยที่ ๑ ทำให้บุตรโจทก์ตาย จำเลยที่ ๒ ยอมชดใช้เงินให้โจทก์ โจทก์เองก็ยินยอม ครั้นเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ยอมชดใช้เงินให้ตามสัญญา จึงไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับจำเลยที่ ๑ เห็นชัดว่าวัตถุประสงค์ของสัญญาก็คือ ตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ ตกเป็นโมฆะกรรม
พิพากษายืน

Share