คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยร่วมกันเรื่องผิดสัญญาเช่า จำเลยให้การว่าหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะส่วนตัวเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ต้องรับผิดเพราะหุ้นส่วนผู้จัดการลงชื่อในสัญญาโดยไม่ได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าในการทำสัญญาอื่นๆ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ลงชื่อในสัญญาเหล่านั้นในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัดและสัญญาเช่ารายพิพาทหุ้นส่วนผู้จัดการก็ทำในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดดังนี้ ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาเช่ารายพิพาทในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องรับผิดตามสัญญา หุ้นส่วนผู้จัดการไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าโรงภาพยนต์ ขอเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ จำเลยที่ 1 มิได้เป็นคู่สัญญา เพราะจำเลยที่ 1 ลงชื่อต้องมีดวงตราประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จำเลยไม่ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและไม่ได้เสียหาย ค่าเสียหายที่เรียกมาไม่จำเป็น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 49,675 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้คืนทรัพย์สินของโจทก์ด้วย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันตามสัญญากับโจทก์ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 17,675 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์ฎีกาให้จำเลยที่ 2 รับผิดด้วยและโต้แย้งค่าเสียหายบางรายการ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญากับโจทก์ จำเลยให้การว่า โจทก์กับจำเลยที่ 2 ทำสัญญากัน จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นคู่สัญญา แต่ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 สัญญาอื่น ๆ ที่ทำในนามของจำเลยที่ 1 ก็เซ็นชื่อจำเลยที่ 2 โดยไม่ได้ประทับตราของจำเลยที่ 1 สัญญาเหล่านี้จำเลยที่ 2 ถือว่าทำในนามของจำเลยที่ 1 เมื่อสัญญารายพิพาทมีความว่า จำเลยที่ 2 ทำในฐานะเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 สัญญารายพิพาท จึงได้ทำกับจำเลยที่ 2 ในนามของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น จำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว ส่วนค่าเสียหายเห็นสมควรกำหนดเพิ่มให้ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 31,675 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share