แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ มิได้กำหนดวิธีการนับระยะเวลาไว้โดยเฉพาะ ฉะนั้นจึงต้องอาศัยการนับตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง โจทก์ได้รับแจ้งคำชี้ขาดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2542 การนับระยะเวลาจึงต้องเริ่มนับ ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2542 เป็นวันแรกและครบกำหนด 30 วันในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 จึงเป็นการฟ้องคดีภายใน 30 วัน ตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของจำเลยที่ ๑ และคำชี้ขาดของจำเลยที่ ๒ กับให้จำเลยทั้งสองคืนเงินค่าภาษีส่วนที่เกินเป็นเงิน ๙,๑๓๕.๒๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ชำระภาษีจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ มิได้กำหนดวิธีการนับระยะเวลาไว้โดยเฉพาะ ฉะนั้นการนับระยะเวลาจึงต้องอาศัยวิธีการนับตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือนหรือปี มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วยกัน เว้นแต่จะเริ่มการในวันนั้นเองตั้งแต่เวลาที่ถือได้ว่าเป็นเวลาเริ่มต้นทำการงานกันตามประเพณี” ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่าโจทก์ได้รับแจ้งความให้ทราบคำชี้ขาดวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๔๒ การนับระยะเวลาจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๒ เป็นวันแรกและครบกำหนด ๓๐ วัน ในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ โจทก์ฟ้องคดี วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ จึงเป็นการฟ้องคดีภายในสามสิบวันตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องคดีเกินกำหนดเวลานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี