แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอายัดเงินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องของโจทก์ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีอื่นก็มีสิทธิที่จะขออายัดทรัพย์นั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีของตน เพราะกรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้อายัดทรัพย์ซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 และเมื่อบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ครอบครองเงินของจำเลยได้จัดส่งเงินดังกล่าวซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดไว้ชั่วคราวมาแล้วเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นได้ขอบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้บังคับคดีโดยมีหนังสือขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว การอายัดเงินดังกล่าวของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องของโจทก์ย่อมสิ้นผลไปโดยปริยาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาร่วมดำเนินการระหว่างโจทก์กับจำเลยพร้อมทั้งดอกเบี้ย และต่อมาได้ยื่นคำร้องขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยขอให้ศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์ตามสัญญาซื้อขายเป็นเงิน 26,522,097 บาท ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2536ให้อายัดตามขอโดยให้กรมประชาสัมพันธ์ส่งเงินจำนวนดังกล่าวมายังศาลชั้นต้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยเพิกถอนคำสั่งอายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์เสียเนื่องจากจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องในเงินจำนวนนี้ให้ผู้ร้องไว้โดยชอบตั้งแต่วันที่10 มีนาคม 2536 และกรมประชาสัมพันธ์ได้ตกลงยินยอมด้วยแล้ว
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า มีการอายัดเงินของจำเลยในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้โดยชอบแล้ววิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตตามคำขอของโจทก์จึงสิ้นผลไปโดยปริยาย คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาสั่งยกเลิกหรือไม่ยกเลิกวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำร้องของผู้ร้องอีกต่อไป ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่14 ธันวาคม 2536 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์จำนวน 26,522,097 บาทไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2537 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยเพิกถอนคำสั่งอายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์เสีย เนื่องจากจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องในเงินจำนวนนี้ให้ผู้ร้องไว้โดยชอบตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2536ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้ตกลงยินยอมแล้ว และต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน 2537 ซึ่งอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามคำร้องของผู้ร้องนั้น ผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ในคดีอื่นเป็นเงินจำนวน 44,197,863.66 บาท แล้วผู้ร้องกับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องจึงขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือขออายัดเงินของจำเลยที่กรมประชาสัมพันธ์ส่งมายังศาลชั้นต้นตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาแล้วตามหนังสือของกรมบังคับคดีที่ ยธ. 0404(201)/01337 ลงวันที่ 25 มกราคม 2538ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์จำนวน 26,522,097 บาท ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาแสดงว่าเงินที่ถูกอายัดไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาดังกล่าวเป็นของจำเลย ไม่ใช่เป็นเงินของโจทก์เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1) ให้อายัดทรัพย์สินของจำเลย รวมทั้งจำนวนเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลย อีกทั้งตามคำร้องขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2536 โจทก์เองก็ยอมรับว่าเงินดังกล่าวกรมประชาสัมพันธ์จะจ่ายให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายที่จำเลยทำไว้กับกรมประชาสัมพันธ์ในนามของจำเลยเองจึงไม่ใช่เป็นการอายัดเงินของโจทก์ดังที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงไว้แต่อย่างใด ดังนั้นที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงประการสำคัญว่าการอายัดเงินที่ได้รับจากกรมประชาสัมพันธ์ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ยังไม่สิ้นผลไป โดยกล่าวอ้างว่าเงินที่อายัดไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาดังกล่าวเป็นของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้นและศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีนี้ตามคำร้องของโจทก์ย่อมไม่ห้ามผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นที่จะอายัดทรัพย์นั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา กรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้อายัดทรัพย์ซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 เมื่อกรมประชาสัมพันธ์ได้ส่งเงินตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอายัดไว้ชั่วคราวมาให้แล้ว และผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นได้ขอบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้บังคับคดีโดยมีหนังสือขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวแล้วการอายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีนี้ย่อมสิ้นผลไปโดยปริยายโจทก์ไม่มีสิทธิโต้แย้ง คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาสั่งยกเลิกหรือไม่ยกเลิกการอายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องของผู้ร้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้วสำหรับฎีกาของโจทก์ที่ยกข้อโต้เถียงอื่น ๆ อีกนั้น ก็หาทำให้คำวินิจฉัยดังกล่าวมาแล้วเปลี่ยนแปลงไปไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน