คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้มาหาจ. ซึ่งอยู่ที่บ้านผู้เสียหายตอนหัวค่ำเพื่อพูดขอยืมเงินแต่จ. บอกให้จำเลยกลับไปก่อนค่อยมาตอนดึกๆการที่จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายตามเวลานัดจึงไม่ใช่เป็นการเข้าไปบ้านผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 362,365 ริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา339, 80, 365 ประกอบมาตรา 90 ให้ลงโทษตามมาตรา 339 วรรคสอง, 80เป็นบทที่มีโทษหนักจำคุก 10 ปี มีดของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
เฉพาะข้อหาความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,365 นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฯ จำเลยนำสืบยอมรับว่าคืนเกิดเหตุจำเลยได้ไปที่บ้านผู้เสียหายจริง มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยได้บุกรุกและชิงทรัพย์ผู้เสียหายใช่หรือไม่ ในข้อหาแรกโจทก์นำสืบว่าเป็นเรื่องที่จำเลยบุกรุกบ้านผู้เสียหายเพื่อประสงค์จะชิงทรัพย์ผู้เสียหาย ส่วนจำเลยนำสืบโต้แย้งว่านางจำเนียรพี่สาวผู้เสียหายเป็นฝ่ายนัดให้จำเลยไปหาฐานชู้สาว ข้อนี้ได้ความจากนางจำเนียรซึ่งเป็นคนกลางว่า นางจำเนียรมีสามีแล้วมีบุตรด้วยกัน5 คน แต่สามีนางจำเนียรไปทำงานต่างประเทศก่อนเกิดเหตุ 5 วัน นางจำเนียรจึงได้มาอยู่บ้านผู้เสียหาย ซึ่งเป็นน้องสาว คืนเกิดเหตุ19.30 นาฬิกา จำเลยได้มาหานางจำเนียรที่บ้านผู้เสียหายพูดขอยืมเงินนางจำเนียรได้บอกให้จำเลยกลับไปก่อน ดึก ๆ ค่อยเข้ามาแสดงว่าจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายก็โดยนางจำเนียรนัดให้จำเลยมา การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกแม้นางจำเนียรจะเป็นเพียงผู้อาศัยผู้เสียหาย ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยกลายเป็นบุกรุกดังโจทก์ฎีกา ฯ
พิพากษายืน.”

Share