แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นอัตราสำหรับศาลจะพิพากษาให้คู่ความชดใช้แทนกันเท่านั้น ส่วนการกำหนดจำนวนค่าจ้างว่าความย่อมเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และในกรณีที่ไม่ปรากฎการตกลงค่าจ้างกันโดยชัดแจ้ง ศาลก็กำหนดให้ตามที่เห็นสมควร แล้วแต่งานที่ทำ.
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายว่าความในคดีแดงของศาลแพ่งที่ ๕๘๗/๒๕๐๑ เรื่องเรียกค่าสินไหมทดแทน โดยมิได้ตกลงค่าจ้างเป็นจำนวนแน่นอน โจทก์ว่าความให้จนคดีนั้นถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ชำระค่าจ้าง
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิไ้รับค่าจ้างว่าความเพียงที่ศาลพิพากษาให้ค่าทนายตามคำพิพากษาในคดีแดงที่ ๕๘๗/๒๕๐๑ เป็นเงิน ๕๐๐ บาทเท่านั้น
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระค่าจ้างให้โจทก์ ๖,๐๐๐ บาท ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อได้พิเคราะห์ทุนทรัพย์ประกอบกับการดำเนินคดีของโจทก์ในคดีนั้นแล้วเห็นว่า ให้ค่าจ้างเพียง ๕๐๐ บาทนั้นน้อยมาก สมควรกำหนดค่าจ้างให้ ๓,๐๐๐ บาท พิพากาษแก้ ให้จำเลยใช้ค่าจ้างแก่โจทก์ในจำนวนนี้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง
โจทก์จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยโต้เถียงในปัญหาข้อกฎหมายข้อหนึ่งว่า การกำหนดค่าจ้างทนายควรถืออัตราค่าทนายตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ว่า อัตราดังกล่าวนี้เป็นอัตราสำหรับศาลจะพิพากษาให้คู่ความชดใช้แทนกันเท่านั้น ไม่ใช่ห้ามมิให้ผู้ใดว่าจ้างทนายความว่าต่างแก้ต่างคดีของตนเกินกว่านั้น ฉะนั้น ค่าจ้างทนายที่ตัวความตกลงกับทนายความในการว่าจ้างว่าความนั้น ก็ย่อมเป็นไปตามีที่ตกลงกัน และในกรณีที่ไม่ปรากฎการตกลงค่าจ้างกันโดยชัดแจ้ง ศาลก็กำหนดให้ตามที่เห็นสมควร แล้วแต่งานที่ทำ.
พิพากษายืน.