คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายรูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่กว่าจำเลยซึ่งเป็นหญิงและนิ้วมือขวาพิการ ผู้ตายด่าว่าจำเลยด้วยคำหยาบต่อหน้าคนจำนวนมาก จำเลยบอกให้ผู้ตายหยุดด่า ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับใช้ร่มยาวประมาณ 1 ศอก ที่ปลายมีเหล็กแหลมตีศรีษะและลำตัวจำเลยหลายที พร้อมกับพูดว่าตีมันให้ตายจำเลยถอยหลังหนีจนสะดุดขาตัวเองล้มลงในซอกจอดรถซึ่งไม่มีทางไปอีกจำเลยจึงชักปืนออกขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้ามาแต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดยั้ง จำเลยร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นก็ไม่มีผู้ใดช่วย จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้ปืนเป็นอาวุธยิงทำร้ายนางจำรูญ จอมซื่อตรง2 นัด โดยเจตนาฆ่า และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยบันดาลโทสะ และพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร พิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยิงผู้ตายโดยเป็นการป้องกันชอบด้วยกฎหมายพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 และพกพาอาวุธปืนโดยมีเหตุอันสมควร พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ตายทำร้ายจำเลยโดยเจตนาฆ่า ตามที่พูด ร่มที่ใช้เป็นอาวุธทำร้ายจำเลยก็มีปลายแหลม อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของจำเลยได้ จำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้ตายก่อน จำเลยล้มลงในซอกจอดรถไม่มีทางไป ผู้ตายรูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่กว่าจำเลยและตีรุกไล่กระชั้นชิด จำเลยชักปืนออกขู่ แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดยั้ง จำเลยร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีผู้ใดช่วย จึงเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึง จำเลยยิงผู้ตาย 2 นัด แม้กระนั้นผู้ตายยังเงื้อร่มค้างอยู่และยังไม่ล้มในทันที จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 371

Share