แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุโจทก์ว่าเกิดที่แห่งหนึ่ง จำเลยว่าเกิดที่อีกแห่งหนึ่ง จำเลยจึงขอร้องให้ศาลไปเผชิญสืบ ศาลชั้นต้นสั่งว่าข้อเท็จจริงในสำนวนของทั้งสองฝ่ายเป็นการที่ศาลเข้าใจดีแล้วไม่จำเป็นต้องออกไปตรวจดูที่เกิดเหตุ ฉะนั้นในข้อที่ศาลจะไปเผชิญสืบสถานที่เกิดเหตุหรือไม่นี้จึงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงไม่ใช้ข้อกฎหมาย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายนางเว้นตี้มีบาดเจ็บ จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วมากระทำผิดอีกภายใน 5 ปี ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
นางเว้นตี้ผู้เสียหายขอเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยรับในข้อต้องโทษ นอกนั้นปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 254 จำคุก 1 เดือน 15 วัน เพิ่มโทษตามมาตรา 72 เป็นลงโทษจำคุก 2 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อ 3 ที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย นอกนั้นเป็นข้อเท็จจริงไม่รับ
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีหากจำเลยสืบสมข้อต่อสู้ย่อมพ้นความผิด แต่ศาลสั่งงดเสียจึงเห็นเป็นข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในการสืบฝ่ายโจทก์ว่าเหตุเกิดแห่งหนึ่ง แต่จำเลยว่าเหตุเกิดอีกแห่งหนึ่ง จำเลยจึงร้องขอให้ศาลไปเผชิญสืบสถานที่เกิดเหตุศาลชั้นต้นสั่งว่าข้อเท็จจริงในสำนวนของทั้งสองฝ่ายเป็นการที่ศาลเข้าใจดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปตรวจดูที่เกิดเหตุ ฉะนั้นในข้อที่ศาลจะไปเผชิญสืบสถานที่เกิดเหตุหรือไม่นี้จึงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย ฎีกาจำเลยต้องห้าม
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย