คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9497/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานเดินหมาย กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่จำเลยระบุไว้ในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์ และเป็นภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านนอกจากนี้ในรายงานการเดินหมายปรากฏว่า พ. เต็มใจรับหมายแทน และการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ป. ก็เป็นผู้รับไว้แทนจำเลย ทั้งจำเลยเองก็เบิกความยอมรับ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยจึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี คำนวณถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยรวม 7,333,505.24 บาท โดยให้จำเลยใช้หนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี ในต้นเงิน 6,952,905.68 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์สินของจำเลย ซึ่งจำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ หากขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีนี้โดยชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยนั้น พนักงานเดินหมาย กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ก็ได้ส่งให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว ดังปรากฏในรายงานการเดินหมาย ซึ่งระบุว่า นางสาวพรจิรา อายุประมาณ 24 ปี เต็มใจรับหมายไว้แทน เพราะอาศัยอยู่หรือทำงาน ณ สถานที่เดียวกันกับจำเลย ทั้งจำเลยเองก็เบิกความตอบคำถามค้านทนายโจทก์ยอมรับ และการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก นางสาวปิยะอร พนักงานของจำเลยอีกคนหนึ่ง ก็เป็นผู้รับไว้แทนจำเลยตามเอกสารหมาย ล. 2 ดังนี้ เมื่อปรากฏตามเอกสารหมาย ล. 1 และ ล. 2 ว่า นางสาวพรจิราและนางสาวปิยะอรมีอายุประมาณ 24 ปี และ 22 ปี ตามลำดับ ก็ย่อมเป็นการส่งหมายเรียกกับสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานให้แก่จำเลยโดยชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า นางสาวพรจิราได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้ว แต่มิได้นำมาให้จำเลยจะถือว่าจำเลยทราบคำฟ้องหาได้ไม่ เพราะนางสาวพรจิรามิได้เป็นทายาทหรือเกี่ยวพันทางสายเลือด เป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น จะถือว่ารับหมายไว้แทนจำเลยไม่ได้นั้น ตามบทบัญญัติของมาตราดังกล่าว หาได้ระบุว่าบุคคลผู้รับเอกสารไว้แทนคู่ความจะต้องเป็นทายาทหรือเกี่ยวพันทางสายเลือดกับคู่ความฝ่ายที่รับเอกสารแต่อย่างใดไม่ จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบคำฟ้องเพราะนางสาวพรจิรามิได้นำมาให้จำเลยหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share