คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เด็กหญิงว.ไปที่บ้านของจำเลยเองและช่วยจำเลยทำขนมที่บ้านมารดาจำเลยทราบว่าได้เสียกับจำเลย แล้วจึงยอมให้อยู่บ้านกับจำเลยฉันสามีภริยาดังนี้เป็นเรื่องเด็กหญิงว. ต้องการเป็นภริยาจำเลยและสมัครใจไปจากบิดามารดาเอง จำเลยไม่ได้พรากเด็กหญิงว. ไปจากบิดามารดาผู้ปกครองจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงวันดี ทำความชอบอายุ 14 ปีเศษซึ่งมิใช่ภริยาของตนจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยหลายครั้งโดยเด็กหญิงวันดี ทำความชอบ ยินยอมด้วยจำเลยโดยปราศจากเหตุอันสมควรได้พรากเด็กหญิงวันดี ทำความชอบอายุ 14 ปีเศษ ไปเสียจากนายปาน ทำความชอบและนางสำลี จันทิมา บิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กหญิงวันดี ทำความชอบ เพื่อการอนาจารและกระทำชำเราขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277, 317
จำเลยให้การรับสารภาพฐานกระทำชำเรา แต่ปฏิเสธข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 (ที่ถูกเป็นมาตรา 277 วรรคหนึ่ง)วางโทษจำคุก 4 ปี และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงให้จำคุก 2 ปี และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยกโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์จำเลยนำสืบว่า เมื่อเดือนมกราคม 2533 เด็กหญิงวันดี ทำความชอบผู้เสียหายได้ออกจากบ้านซึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ไปเที่ยวงานปีใหม่ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร โดยไปพักอยู่กับตาและยายแล้วได้รู้จักกับจำเลยซึ่งมีบ้านอยู่ห่างไป 800-900 เมตรประมาณกลางเดือนมกราคม 2533 จำเลยได้เข้าไปหาเด็กหญิงวันดีในบ้านของตาและยาย แล้วได้เสียกัน ต่อมาประมาณต้นเดือนเมษายน 2533 เด็กหญิงวันดีได้ออกจากบ้านตาและยาย ไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่บ้านของจำเลย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาข้อแรกของโจทก์ ว่าจำเลยมีความผิดฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจาก บิดามารดา ผู้ปกครองเพื่อการอนาจารหรือไม่ เห็นว่า ได้ความจากเด็กหญิงวันดีว่าเด็กหญิงวันดีไปที่บ้านของจำเลยเองและช่วยจำเลยทำขนมที่บ้าน มารดาจำเลยทราบว่าได้เสียกับจำเลยแล้วจึงยอมให้อยู่บ้านกับจำเลยฉันสามีภริยาดังนี้เป็นเรื่องเด็กหญิงวันดีต้องการเป็นภริยาจำเลยและสมัครใจไปจากบิดามารดาเอง จำเลยไม่ได้พรากเด็กหญิงวันดีไปจากบิดามารดาผู้ปกครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร”
พิพากษายืน

Share