คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9488/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าโจทก์มีเงินได้จากการขายอาหารและมีเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลในปีภาษีพิพาท แต่โจทก์อุทธรณ์การประเมินเฉพาะเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลเท่านั้น การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยถือเอาเงินได้จากการขายอาหารเป็นเงินได้จากการรับเดินโพยพนันทั้งหมด แม้จะเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินไว้ก็ตาม แต่หาได้เป็นการวินิจฉัยตามประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ไว้ไม่ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนที่ถือว่าเงินได้จากการขายอาหารเป็นเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลทั้งหมดจึงไม่ชอบ
โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินในประเด็นค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอล คงอุทธรณ์เฉพาะจำนวนเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลเท่านั้น จึงถือว่าโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์การประเมินในประเด็นค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลตามจำนวนที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิยกประเด็นที่ถือว่าโจทก์ได้สละแล้วมาฟ้องต่อศาลได้อีก ปัญหานี้แม้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลางโดยชอบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เลขที่ สภ.2/อธ.3/1.1/8/1550 ถึงเลขที่ สภ.2/อธ.3/1.6/8/2550 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2550
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนด ค่าทนายความ 10,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามที่โจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า จำเลยมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2545 ถึง 2547 จำนวน 6 ฉบับ ให้โจทก์ชำระเงินสำหรับปีภาษี 2545 (ครึ่งปี) จำนวน 383,393.78 บาท สำหรับปีภาษี 2545 จำนวน 145,753.44 บาท สำหรับปีภาษี 2546 (ครึ่งปี) จำนวน 16,934.80 บาท สำหรับปีภาษี 2546 จำนวน 52,106.40 บาท สำหรับปีภาษี 2547 (ครึ่งปี) จำนวน 25,521.73 บาท และสำหรับปีภาษี 2547 จำนวน 13,024.50 บาท ตามลำดับ เนื่องจากโจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งโจทก์มีเงินได้จากการขายอาหารและเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอล โจทก์อุทธรณ์การประเมินว่า โจทก์เป็นนายหน้ารับเดินโพยพนันบอลให้นายขาว ซึ่งโจทก์ได้รับผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 2 ของยอดเงินที่ฝากเข้าบัญชีทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้นเงินได้ที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้จึงไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินได้จากการขายข้าวหมูแดงตามที่กล่าวอ้าง เงินได้ดังกล่าวถือเป็นเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลทั้งหมด จึงเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทอื่นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (8) และโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรเท่าใด เงินได้จึงหักค่าใช้จ่ายไม่ได้ กรณีเบี้ยปรับลดให้กึ่งหนึ่งแล้วไม่ลดให้อีกและให้ปรับปรุงคำนวณภาษีใหม่ โจทก์ไม่เห็นด้วย
ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยให้โจทก์เสียภาษีนอกเหนือจากการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินได้หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ประเมินนอกเหนือจากที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประมวลรัษฎากรได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานประเมินกับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไว้แตกต่างกัน หากเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไว้ไม่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ ก็มีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้น มาไต่สวนและออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนำบัญชีเอกสารหรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแสดงได้ แล้วมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิม โดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏ และแจ้งจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระหรือต้องชำระเพิ่มไปยังผู้ที่ต้องเสียภาษีอากร สำหรับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มิได้เป็นเจ้าพนักงานประเมินคงมีอำนาจหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ต้องเสียภาษีอากรเฉพาะประเด็นที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้และผู้ต้องเสียภาษีอากรอุทธรณ์การประเมินเท่านั้น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะไปตั้งประเด็นใหม่นอกเหนือจากประเด็นเดิมที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินและผู้ต้องเสียภาษีอากรมิได้อุทธรณ์การประเมินไว้หาได้ไม่ ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอำนาจทำการไต่สวนและหมายเรียกพยานมาตรวจสอบเพิ่มเติมตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 32 และมีอำนาจทำคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ผู้เสียภาษีอากรเสียภาษีอากรเพิ่มขึ้นได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 31 วรรคสองได้ก็ตาม แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีอำนาจดำเนินการได้ต้องเป็นการดำเนินการในประเด็นเดียวกับที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินไว้และผู้ต้องเสียภาษีได้อุทธรณ์การประเมินไว้ด้วยเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าโจทก์มีเงินได้จากการขายอาหารและมีเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลในปีภาษีพิพาท แต่โจทก์อุทธรณ์การประเมินเฉพาะเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลเท่านั้น การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยให้ถือเอาเงินได้จากการขายอาหารเป็นเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลทั้งหมด แม้จะเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินไว้ก็ตาม แต่หาได้เป็นการวินิจฉัยตามประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์การประเมินไว้ไม่ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนที่ถือว่าเงินได้จากการขายอาหารเป็นเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลทั้งหมดจึงไม่ชอบ ที่โจทก์อุทธรณ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอล เห็นว่า โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินในประเด็นค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอล คงอุทธรณ์การประเมินเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับจำนวนเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เท่านั้น เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินในประเด็นนี้ไว้ จึงถือว่าโจทก์ไม่ติดใจที่จะอุทธรณ์การประเมินในประเด็นค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการรับเดินโพยพนันบอลตามจำนวนที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยกประเด็นที่ถือว่าโจทก์ได้สละแล้วมาฟ้องต่อศาลได้อีก ปัญหานี้แม้ศาลภาษีอากรกลางจะวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอาการกลางโดยชอบ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ สภ.2/อธ.3/1.1/8/1550 ถึงเลขที่ สภ.2/อธ.3/1.6/8/2550 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2550 เฉพาะส่วนที่ให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม นอกเหนือไปจากที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share