คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพาผู้เสียหายไปกินอยู่หลับนอนกันที่บ้านจำเลย โดยผู้เสียหายยินยอมระหว่างพักอยู่ร่วมกับจำเลย ผู้เสียหายช่วยทำงานบ้านและได้เงินใช้จ่ายจากจำเลย ทั้งจำเลยไม่มีภรรยา เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยตั้งใจจะเลี้ยงดูผู้เสียหายเป็นภรรยา มิใช่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากนางสาวธัทวดี ศิริสุรักษ์ อายุ16 ปี ผู้เยาว์ไปเสียจากความปกครองดูแลของมารดาเพื่อการอนาจารโดยนางสาวธัทวดีเต็มใจไปด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 ให้จำคุก 3 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุนางสาวธัทวดี ศิริสุรักษ์ผู้เสียหายอายุ 16 ปีอยู่ในความปกครองของมารดา จำเลยอายุ 19 ปีไม่มีภรรยา ผู้เสียหายและจำเลยรู้จักกันมาก่อน ก่อนเกิดเหตุจำเลยโทรศัพท์นัดให้ผู้เสียหายไปพบที่สวนจตุจักร ผู้เสียหายไปพบจำเลยตามนัด จำเลยชวนผู้เสียหายไปพักค้างคืนที่บ้านเพื่อนจำเลย ต่อมาจำเลยพาผู้เสียหายไปพักด้วยกันที่บ้านจำเลย ซึ่งจำเลยพักอยู่ร่วมกับบิดามารดาและน้อง ๆ ผู้เสียหายกินอยู่หลับนอนช่วยทำงานบ้านและได้เงินค่าใช้จ่ายจากจำเลยตลอดมา พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยตั้งใจจะเลี้ยงดูผู้เสียหายเป็นภรรยา มิใช่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share