แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดายกที่ดินให้แก่บุตรปรากฎว่าที่ดินที่ยกให้นั้น ติดจำนองมาก่อนการจำนองมาแล้ว จึงทำยกให้แก่บุตร และเมื่อทำยกให้แล้ว ในวันเดียวกันนั้นบุตรก็จำนองที่ดินนั้นไว้แก่ผู้มีชื่ออีก ดังนี้ ถือได้ว่า ขณะเมื่อยกให้กัน หนี้จำนองอันติดอยู่กับที่ดินไม่มีแล้วเพราะได้ไถ่ถอนแล้ว ฉะนั้นเมื่อภายหลังบุตรประพฤติเนรคุณมารดาย่อมถอนคืนการให้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าได้ยกที่ดิน  ๓  แปลงให้จำเลยที่  ๑  ผู้เป็นบุตร  ต่อมาจำเลยที่  ๑  ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์  และจำเลยที่  ๑  เอาชื่อจำเลยที่  ๒  ซึ่งเป็นภริยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  ลงในโฉนด  เป็นการโอนอันไม่สุจริต  จึงเรียกที่ดินคืน  และขอเพิกถอนการให้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยประพฤติเนรคุณการยกให้ที่ดินมีโฉนดนั้น  พิพากษาให้เพิกถอนเสีย  ส่วนที่สวนยางไม่ฟังว่าเป็นของโจทก์  จึงพิพากษาคำขอเฉพาะที่เกี่ยวด้วยสวนยาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่ได้ประพฤติเนรคุณ  จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า   ที่โฉนด  ๒๔๑๕  นั้นเมื่อทำยกให้  หาได้มีการจำนองติดอยู่ไม่  ในวันนั้น  เมื่อ  จำเลยที่  ๑  รับมาแล้ว  ก็ทำจำนอง
ส่วนโฉนดที่  ๒๓๕๑  นั้น  ติดจำนองมาก่อนทำยกให้นานราว  ๑๐  ปี  แต่ขณะเมื่อทำยกให้นั้น  ก็มีการไถ่จำนองแล้ว  ไม่ใช่ทำยกให้ทั้งที่มีการจำนองติด  เมื่อยกให้แล้วในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่  ๑  ก็ทำจำนองไว้อีก  ฉะนั้นเมื่อจำเลยประพฤติเนรคุณโจทก์  ก็ย่อมถอนคืนการให้ได้
ส่วนข้อที่ว่า จำเลยเอาชื่อจำเลยที่  ๒  ใส่ในโฉนดเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตนั้น  หาได้ความไม่
จึงพิพากษาแก้  ให้เพิกถอนการให้เฉพาะส่วนของจำเลยที่  ๑  ทั้งสองโฉนด

