คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดายกที่ดินให้แก่บุตรปรากฎว่าที่ดินที่ยกให้นั้น ติดจำนองมาก่อนการจำนองมาแล้ว จึงทำยกให้แก่บุตร และเมื่อทำยกให้แล้ว ในวันเดียวกันนั้นบุตรก็จำนองที่ดินนั้นไว้แก่ผู้มีชื่ออีก ดังนี้ ถือได้ว่า ขณะเมื่อยกให้กัน หนี้จำนองอันติดอยู่กับที่ดินไม่มีแล้วเพราะได้ไถ่ถอนแล้ว ฉะนั้นเมื่อภายหลังบุตรประพฤติเนรคุณมารดาย่อมถอนคืนการให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้ยกที่ดิน ๓ แปลงให้จำเลยที่ ๑ ผู้เป็นบุตร ต่อมาจำเลยที่ ๑ ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ และจำเลยที่ ๑ เอาชื่อจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นภริยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ลงในโฉนด เป็นการโอนอันไม่สุจริต จึงเรียกที่ดินคืน และขอเพิกถอนการให้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยประพฤติเนรคุณการยกให้ที่ดินมีโฉนดนั้น พิพากษาให้เพิกถอนเสีย ส่วนที่สวนยางไม่ฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงพิพากษาคำขอเฉพาะที่เกี่ยวด้วยสวนยาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่ได้ประพฤติเนรคุณ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โฉนด ๒๔๑๕ นั้นเมื่อทำยกให้ หาได้มีการจำนองติดอยู่ไม่ ในวันนั้น เมื่อ จำเลยที่ ๑ รับมาแล้ว ก็ทำจำนอง
ส่วนโฉนดที่ ๒๓๕๑ นั้น ติดจำนองมาก่อนทำยกให้นานราว ๑๐ ปี แต่ขณะเมื่อทำยกให้นั้น ก็มีการไถ่จำนองแล้ว ไม่ใช่ทำยกให้ทั้งที่มีการจำนองติด เมื่อยกให้แล้วในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่ ๑ ก็ทำจำนองไว้อีก ฉะนั้นเมื่อจำเลยประพฤติเนรคุณโจทก์ ก็ย่อมถอนคืนการให้ได้
ส่วนข้อที่ว่า จำเลยเอาชื่อจำเลยที่ ๒ ใส่ในโฉนดเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตนั้น หาได้ความไม่
จึงพิพากษาแก้ ให้เพิกถอนการให้เฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๑ ทั้งสองโฉนด

Share