แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงใดที่ปรากฎชัดในเอกสารอยู่แล้ว ศาลมีอำนาจงดสืบพะยานบุคคลเสียได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าภริยาจำเลยเอาเสื้อผ้าของจำเลยให้โจทก์ไป จำเลยพบโจทก์สรวมอยู่ จึงขอคืนโจทก์ไม่ยอม จึงขอให้เจ้าพนักงานจัดการเพื่อให้โจทก์คืนเสื้อผ้าแก่จำเลยเจ้าพนักงานจึงเชิญตัวโจทก์มาสอบสวนโดยมิได้ถูกจับกุมหรือควบคุมประการใดเจ้าพนักงานจึงจัดการเปรียบเทียบปราณีประนอมเลิกกันไป แลโจทก์ก็ยินยอมคืนเสื้อสักหลาดให้จำเลยไป โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๑๘-๒๗๐-๒๗๑
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิได้แจ้งความหาว่าโจทก์ยักยอกเป็นแต่ไปร้องทุกข์ขอให้จัดการเรื่องเสื้อผ้าของจำเลยซึ่งตกอยู่ที่โจทก์ ที่มีคำว่า “ยักยอก” นั้นเป็นหมายเหตุที่เจ้าพนักงานจดไว้เอง แลคำร้องทุกข์ก็ไม่ใช่เป็นคำเท็จ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลคำแจ้งความ แลถ้อยคำในใบแจ้งความก็ชัดดังที่ศาลล่างฟังมาแล้ว ส่วนการที่เจ้าพนักงานจัดไปอย่างไรนั้น แม้จะเนื่องมาจากคำร้องทุกข์ของจำเลยก็อยู่ในความวินิจฉัยของเจ้าพนักงานซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิด แลข้อที่โจทก์ค้านว่าศาลรวบรัดสืบพะยานไม่สิ้นกระแสความนั้น เป็นเรื่องมีข้อความขัดอยู่ตามเอกสารแล้ว จึงไม่ต้องสืบพะยานอีก จึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้ยกฟ้องโจทก์