คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอเลื่อนคดีของโจทก์นัดแรกสืบเนื่องมาจากโจทก์ถูกกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตและปิดกิจการลง คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินได้เข้ามาควบคุมกิจการของโจทก์ และเก็บเอกสารต่าง ๆ ไว้ ไม่สามารถจะนำมาสืบได้ ส่วนจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่น ส่วนการเลื่อนคดีครั้งที่สองก็สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยขอเลื่อน อ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ การเลื่อนคดีทั้งสองครั้งนั้นจำเลยก็ขอเลื่อนด้วยทุกครั้ง ส่วนในการขอเลื่อนคดีครั้งที่สามโจทก์อ้างว่า พยานทั้งสองคนของโจทก์มีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เป็นการอ้างเหตุที่พยานไม่มาศาลเป็นครั้งแรก โดยจำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน จึงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองมีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นที่เห็นว่าจะทำให้เสียความยุติธรรม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปนั้นจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ หากไม่พอให้บังคับทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงติดใจสืบพยานสองปาก ครั้นถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนคดีเนื่องจากพยานไม่สามารถมาศาลได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียววันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๑ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า โจทก์ถูกกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตและปิดกิจการ คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินได้เข้ามาควบคุมกิจการของโจทก์และเก็บเอกสารต่าง ๆ ไว้ โจทก์ไม่สามารถจะนำเอกสารมาสืบได้ ส่วนจำเลยก็ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่า ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่นที่นัดไว้ก่อนแล้ว โจทก์ไม่ค้านในการที่จำเลยขอยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การภายใน ๑๕ วัน และอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๑ เมื่อถึงวันนัดครั้งที่สอง คู่ความร่วมกันแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ แต่อยู่ในระหว่างการขออนุมัติจากประธานคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน จึงไม่อาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความในวันนัดได้ คู่ความขอเลื่อนคดี โดยโจทก์แถลงว่าหากยอมความไม่ได้โจทก์ติดใจสืบพยานเพียงสองปาก ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์หรือทำยอมในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๑ และกำชับว่า ในนัดหน้าหากคดีตกลงยอมความกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานให้พร้อมสืบ เมื่อถึงวันนัดครั้งที่สาม ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า พยานโจทก์ทั้งสองได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของโจทก์ โจทก์ได้ติดต่อให้มาเบิกความ แต่พยานทั้งสองไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ โดยพยานคนหนึ่งต้องเข้าประชุมในที่ทำงานใหม่ และพยานอีกคนหนึ่งต้องเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ และทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน เห็นว่า ในการขอเลื่อนคดีของโจทก์ทั้งสองครั้ง จำเลยก็ขอเลื่อนด้วย ส่วนในการขอเลื่อนคดีครั้งที่สาม โจทก์อ้างว่า พยานทั้งสองคนของโจทก์มีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ และเป็นเหตุที่พยานไม่มาศาลเป็นครั้งแรก โดยฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้คัดค้านการขอเลื่อนคดี จึงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองมีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นที่เห็นว่าจะทำให้เสียความยุติธรรม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่.

Share