คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้อง ผู้คัดค้านและบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทร่วมกัน ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1358 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าของรวมมีสิทธิจัดการทรัพย์สินรวมกันและเจ้าของรวมคนอื่นมีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ชัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ตามมาตรา 1360 ตราบใดที่ยังไม่มีการแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดการที่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์คนหนึ่งคนใดเข้าครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดิน ก็ต้องถือว่าครอบครองที่ดินส่วนนั้น ๆ ในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งเท่านั้นดังนั้น การที่ผู้ร้องได้เข้าไปครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทหาทำให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่เว้นเสียแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยการบอกกล่าวไปยังเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือทรัพย์แทนเจ้าของรวมคนอื่นอีกต่อไป

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2780 เนื้อที่ 18 ไร่2 งาน 80 ตารางวา มีชื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านและบุคคลอื่นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้คัดค้านได้ยกที่ดินส่วนของตนให้ผู้ร้องและได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินส่วนที่ได้รับยกให้และส่วนของตนรวมเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่เศษ ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกิน 10 ปีขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านคัดค้านว่า ไม่เคยยกที่ดินส่วนของตนให้แก่ผู้ร้องและยังครอบครองที่ดินในส่วนของตนตลอดมา ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินเฉพาะส่วนของผู้คัดค้านตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของผู้คัดค้านโดยการครอบครองหรือไม่ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้ร้อง ผู้คัดค้าน และบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1358ให้สันนิษฐานว่า เจ้าของรวมมีสิทธิจัดการทรัพย์สินรวมกันและเจ้าของรวมคนอื่น ๆ มีสิทธิใช้ทรัพย์สินได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ตามมาตรา 1360 เมื่อยังไม่มีการแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดการที่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์คนหนึ่งคนใดเข้าครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดิน ก็ต้องถือว่าครอบครองที่ดินส่วนนั้น ๆ ในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่ง หาก่อให้เกิดสิทธิที่จะอ้างว่าตนครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเสียแต่คนเดียวไม่เพราะก่อนที่จะมีการแบ่งแยกยังไม่อาจทราบได้ว่าที่ดินส่วนนั้นจะเป็นของเจ้าของรวมคนใดแน่ การที่ผู้ร้องได้เข้าไปครอบครองทำนาในที่ดินพิพาท หาทำให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ไม่เว้นเสียแต่จะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ว่า ไม่มีเจตนาจะยึดถือทรัพย์แทนเจ้าของรวมคนอื่นอีกต่อไป คดีนี้ไม่มีข้อเท็จจริงให้ถือได้ว่าได้มีการบอกกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงฐานะยึดถือแทนผู้มีสิทธิครอบครองได้ และไม่อาจถือได้ว่ามีการแย่งการครอบครอง ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share