คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำยึดที่พิพาทของผู้ร้องในฐานะผู้ร้องเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์อ้างว่าเป็นของผู้ร้อง และผู้ร้องมิใช่ภริยาจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่า (1) จำเลยและผู้ร้องได้ร่วมกันทำมาหากินจนเกิดทรัพย์พิพาท จำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้อง (2) ทรัพย์พิพาทเป็นสินบริคณห์ จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปใช้จ่ายในการทำมาหากินร่วมกับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นลูกหนี้ร่วมตามกฎหมาย โจทก์ชอบที่จะยึดทรัพย์พิพาทได้ (3) แม้ผู้ร้องจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทมาจริง ผู้ร้องก็ซื้อมาในระหว่างเป็นภริยาจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย โจทก์ชอบที่จะยึดได้ ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทและผู้ร้องมิใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ศาลก็วินิจฉัยได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องทำมาหาได้ร่วมกัน จำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้องดังข้อต่อสู้ของโจทก์ข้อ 1 และไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

ย่อยาว

คดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าโจทก์นำยึดที่ดินของผู้ร้องโดยอ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลย ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องเป็นภริยาของจำเลย ทำมาหากินร่วมกันกับจำเลยจนเกิดทรัพย์ที่ยึด ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง จำเลยเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์พิพาทตามกฎหมาย ผู้ร้องจะขอให้ถอนการยึดหาได้ไม่ จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปใช้จ่ายในการทำมาหากินร่วมกับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นลูกหนี้ร่วมตามกฎหมาย โจทก์ชอบที่จะบังคับเอาจากทรัพย์พิพาทได้ แม้ผู้ร้องจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทมาจริง ผู้ร้องก็ซื้อมาในระหว่างเป็นภริยาจำเลย โจทก์ชอบที่จะยึดได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า แม้ผู้ร้องกับจำเลยมิได้เป็นสามีภริยากันโดยถูกต้องตามกฎหมาย ที่พิพาทเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องกับจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันโจทก์มีสิทธิยึดเอามาขายทอดตลาดได้ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์นำยึดที่พิพาทในฐานะผู้ร้องเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์อ้างว่าเป็นของผู้ร้อง และผู้ร้องมิใช่ภริยาจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่า (๑) จำเลยและผู้ร้องได้ร่วมกันทำมาหากินจนเกิดทรัพย์พิพาท จำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้อง (๒) ทรัพย์พิพาทเป็นสินบริคณฑ์ จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปใช้จ่ายในการทำมาหากินร่วมกับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นลูกหนี้ร่วมตามกฎหมาย โจทก์ชอบที่จะยึดทรัพย์พิพาทได้ (๓) แม้ผู้ร้องจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทมาจริง ผู้ร้องก็ซื้อมาในระหว่างเป็นภริยาจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย โจทก์ชอบที่จะยึดได้ ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาท และผู้ร้องมิใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย การที่ศาลวินิจฉัยว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องทำมาหากินได้ร่วมกันจำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับผู้ร้องนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นข้อ (๑) โดยตรงมิใช่วินิจฉัยนอกประเด็นแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share