คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ยังไม่ใช้บังคับการนับระยะเวลาในการที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และไปตกต้องในฐานที่จะเป็นภยันตรายแก่ชีวิตอันจะเป็นคนสาบสูญจึงต้องนับเวลาถึงสามปีนับแต่เมื่อภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมแม้ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ม. เป็นคนสาบสูญเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ใช้บังคับแล้วและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา61วรรคสองที่ได้ตรวจชำระใหม่ให้ลดระยะเวลาเหลือเพียงสองปีนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตได้ผ่านพ้นไปก็ตามเพราะว่าตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535มาตรา14ให้ใช้ระยะเวลาที่ยาวกว่าบังคับ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535นายมาโนช คำวงษ์หรือวิสารทานนท์ ซึ่งมีถิ่นที่อยู่บ้านเลขที่153/10 หมู่ที่ 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครเป็นบุตรของนายนิวัธน์ วิสารทานนท์หรือคำวงษ์ ได้ออกจากบ้านไปร่วมประชุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่บริเวณท้องสนามหลวงและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตพระนคร กรุงเทพมหานครในการประชุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยดังกล่าว วันที่ 20พฤษภาคม 2535 ได้มีการจราจล ทำให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงถึงแก่ความตาย บาดเจ็บ และสูญหายไปจำนวนมาก ครั้นวันที่ 21พฤษภาคม 2535 เหตุการณ์ดังกล่าวจึงสงบลง นับแต่วันนั้นมานายมาโนชก็ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลยจนกระทั่งวันยื่นคำร้องเป็นเวลาล่วงเกิน 2 ปีแล้ว ไม่มีใครทราบข่าวว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร และอยู่ที่ไหน ขอให้มีคำสั่งให้นายมาโนชเป็นคนสาบสูญ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 นายมาโนช คำวงษ์หรือวิสารทานนท์ได้ออกจากบ้านไปร่วมชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ในการชุมนุมดังกล่าวมีตำรวจและทหารเข้ารักษาความสงบทำให้ผู้ร่วมชุมนุมประท้วงบาดเจ็บและถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้แน่ว่านายมาโนชยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ปัญหาวินิจฉัยมีว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้นายมาโนชเป็นคนสาบสูญจะใช้ระยะเวลา 3 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสองเดิม หรือจะใช้ระยะเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2535 มาตรา 61 วรรคสอง ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า คดีนี้ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งให้นายมาโนชเป็นคนสาบสูญเมื่อพ้นกำหนดเวลา2 ปี ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ได้ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2535 มาตรา 14 บัญญัติว่า “บรรดาระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฯลฯ ซึ่งใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และระยะเวลาที่กำหนดขึ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้แตกต่างกับระยะเวลาที่กำหนดไว้เดิม ให้นำระยะเวลาที่ยาวกว่าใช้บังคับ” ในระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ยังไม่ใช้บังคับ การนับระยะเวลาในการที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และไปตกต้องในฐานที่จะเป็นภยันตรายแก่ชีวิตอันจะเป็นคนสาบสูญจึงต้องนับเวลาถึงสนามปีนับแต่เมื่อภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสองเดิม แม้ผู้ร้องจะมาร้องขอให้นายมาโนชเป็นคนสาบสูญเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับแล้ว และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 61 วรรคสองที่ได้ตรวจชำระใหม่ลดระยะเวลาเหลือเพียงสองปีนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตได้ผ่านพ้นไปก็ตามแต่เมื่อพิจารณาตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2535 แล้ว จะเห็นได้ว่าระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 64 วรรคสองเดิม ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับและระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสองเดิมยาวกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535มาตรา 61 วรรคสองจึงต้องถือระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535มาตรา 14 ดังนั้นการร้องขอให้ศาลสั่งให้นายมาโนชเป็นคนสาบสูญในคดีนี้จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64วรรคสองเดิม คือใช้ระยะเวลา 3 ปี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share