คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำอนาจารและลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารข้อหาฐานลักทรัพย์ให้ยก โจทก์แต่ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ดังนี้ข้อหาฐานอนาจารจึงถึงที่สุดแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่งก็ตามศาลอุทธรณ์จะพิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยโดยเอาโทษฐานอนาจารซึ่งถึงที่สุดแล้วมารวมเข้าด้วย(โดยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 กระทงหนึ่งและ มาตรา 246 อีกกระทงหนึ่ง รวมกระทงลงโทษจำเลยให้จำคุกจำเลย 1 ปี ฯลฯ) ดังนี้หาเป็นการชอบไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำอนาจาร น.ส.บุญธรรมและลักเข็มขัดเงิน1 สายราคา 70 บาท กับสร้อยลูกประคำ 1 เส้นราคา 500 บาท ของ น.ส.บุญธรรมไป ขอให้ลงโทษ

จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยจักษุพิการไม่อาจกระทำผิดดังฟ้องโจทก์ได้ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำอนาจารแต่ไม่เชื่อว่าจำเลยลักทรัพย์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 246 จำคุก 3 เดือนและปรับ 50 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายใน 5 ปี ยกข้อหาฐานลักทรัพย์

โจทก์ (ฝ่ายเดียว) อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ด้วย

ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยลักทรัพย์ของ น.ส.บุญธรรมตามฟ้องไปจริงจำเลยต้องมีความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดฐานนี้ต่อเนื่องกับความผิดฐานกระทำอนาจาร พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 288 กระทงหนึ่ง และผิดตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งแต่รวมกระทงลงโทษจำเลยให้จำคุกจำเลย 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 570 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยฎีกา ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้คงมีว่า จำเลยได้ลักทรัพย์ของ น.ส.บุญธรรม ไปจริงหรือไม่ ส่วนข้อหาฐานกระทำอนาจารยุติเพียงศาลชั้นต้นแล้ว และศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยลักทรัพย์ไปตามฟ้องจริง คดีควรฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยโดยเอาโทษฐานกระทำอนาจารซึ่งถึงที่สุดแล้วมารวมเข้าด้วยหาเป็นการชอบไม่

พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 288 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 570 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย ส่วนโทษฐานกระทำอนาจารคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share