คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุต จำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีบาดแผลบริเวณด้านซ้ายมีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอด บาดแผลจะหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน บาดแผลดังกล่าวเพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอดไม่ได้ถึงเนื้อปอด แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรงและเมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วหลบหนีไป ไม่ได้แทงซ้ำอีกทั้ง ๆ ที่มีโอกาสกระทำได้ ดังนี้ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่า จึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 1 คน ได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงร้อยตรีกนก ศรีนวลมาก ผู้เสียหาย ถูกบริเวณหน้าอกด้านซ้ายถึงปอดซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญโดยเจตนาฆ่า จำเลยกับพวกได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้มีชื่อได้ขัดขวางจำเลยกับพวกไว้ และนำผู้เสียหายส่งตัวให้แพทย์รักษาทันท่วงที ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวกเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา80, 83, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ผู้เสียหายถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงที่หน้าอกด้านซ้าย 1 ที ปรากฏบาดแผลตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ปัญหามีว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายและนางประภา ศรีนวลมาก ประจักษ์พยานโจทก์ใจความส่วนใหญ่ตรงกันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายในขณะที่นางประภาและพี่สาวของนางประภาจับแขนผู้เสียหายไว้เพื่อห้ามมิให้ผู้เสียหายเข้าไปยังกลุ่มคนที่ส่งเสียงเอะอะอยู่บริเวณนอกบ้าน ศาลฎีกาเห็นว่าบริเวณที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจุดตะเกียงเจ้าพายุไว้สว่างผู้เสียหายเพิ่งรู้จักจำเลยในวันเกิดเหตุนั้นเอง ทั้งจำเลยเป็นญาติกับบิดาของนางประภาไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับนางประภามาก่อนเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายกับจำเลยก็ยังร่วมดื่มสุราด้วยกัน จึงเชื่อว่าผู้เสียหายและนางประภาจำจำเลยได้ว่าเป็นคนร้ายที่ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลย พยานหลักฐานที่อยู่ของจำเลยไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ ปัญหาต่อไปมีว่าจำเลยแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าหรือไม่ แม้จะได้ความจากคำเบิกความของนางประภาว่ามีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุตและจำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายก็ตาม แต่จำเลยก็แทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วก็หลบหนีไป มิได้แทงซ้ำอีกทั้ง ๆ ที่มีโอกาสกระทำได้ ส่วนบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับปรากฏตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องว่า “แผลบริเวณอกด้านซ้าย พบมีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอดบาดแผลหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน” ศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลดังกล่าวเพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอดเท่านั้น มิได้ถึงเนื้อปอดแสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรงส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น มิได้มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี

Share