คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9400/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ไปแถลงขอให้งดการบังคับคดีแก่โจทก์ไว้ภายใน 7 วัน ตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตามแต่โจทก์ก็ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือถือได้ว่าโจทก์ได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญตามสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ไปแถลงขอ งดการบังคับคดีภายในกำหนดเวลาที่โจทก์ผ่อนผันให้ใหม่ จึงเป็นการปฏิบัติตามข้อผ่อนผันของโจทก์หรือถือว่าจำเลยทั้งสองได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแล้วฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังที่โจทก์อ้าง ทั้งไม่ปรากฏความเสียหายแก่โจทก์ในส่วนเกี่ยวกับการงดการบังคับคดี กรณีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกร้องบังคับให้คืนเงินและบังคับคดีตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 192 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องที่ศาลชั้นต้น 4 คดี จำเลยทั้งสองในฐานะเจ้าหนี้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ในฐานะลูกหนี้ยอมลดจำนวนหนี้ทั้งหมดเหลือ 1,250,000 บาทเมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหนี้ (จำเลยทั้งสอง) จะต้องถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2922/2534 และ 3327/2531กับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดีแพ่งทั้ง 2 สำนวน นับแต่วันทำสัญญาเจ้าหนี้จะต้องดำเนินการยื่นคำร้องของดการบังคับคดีแพ่งทั้ง 2 สำนวนไว้ชั่วคราวภายใน 7 วัน จนกว่าลูกหนี้จะชำระหนี้เสร็จสิ้นหากลูกหนี้ (โจทก์) ผิดนัดผิดสัญญาไม่ว่าข้อหนึ่งข้อใดเจ้าหนี้ (จำเลยทั้งสอง) จะดำเนินการบังคับคดีในทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหมดทันทีตามจำนวนเงินในคดีแพ่งเต็มจำนวนหากเจ้าหนี้ผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งให้ถือว่าเจ้าหนี้ยอมสละสิทธิที่จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ส่วนที่เหลือหลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาแต่จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวภายในกำหนด 7 วัน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน 96,781 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีให้จำเลยทั้งสองไปไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 3975 ตำบลท่าม่วงอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีให้กับโจทก์ ส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอถอนการบังคับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 216/2530 คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 345/2531 ให้จำเลยทั้งสองไปยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2922/2534 หากไม่ไปให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ผิดสัญญาโจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อจะบิดพลิ้วไม่ยอมชำระเงินที่เหลือให้จำเลยทั้งสองตามสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองมิได้ไปแถลงต่อศาลชั้นต้นให้งดการบังคับคดีไว้ภายใน 7 วันนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ คือวันที่ 27 กันยายน 2534 เป็นการที่จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามสัญญา แต่ในขณะเดียวกันโจทก์ก็มิได้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการที่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวแต่อย่างใด แต่โจทก์กลับมีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.2 ถึงจำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาภายใน 7 วันนับแต่วันรับหนังสือฉบับนี้ และเมื่อจำเลยทั้งสองได้รับหนังสือฉบับลงวันที่ 9 ธันวาคม 2534 ของโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1ได้ไปแถลงของดการบังคับคดีต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 7 วันนับแต่วันรับหนังสือ คือแถลงเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2534ปรากฏตามคำแถลงเอกสารหมาย ล.3 ดังนี้ ถึงแม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ไปแถลงขอให้งดการบังคับคดีไว้ภายใน 7 วัน ตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้มีหนังสือแจ้งผ่อนระยะเวลาตามสัญญาให้จำเลยทั้งสองได้มีโอกาสได้ปฏิบัติตามสัญญาเสียใหม่ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือผ่อนเวลาให้ฉบับนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว โดยไม่ถือเอาข้อกำหนดระยะเวลา 7 วันในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าเป็นข้อสาระสำคัญโดยที่โจทก์มิได้แสดงโต้แย้งสงวนสิทธิในการที่จะใช้สิทธิต่าง ๆอันเนื่องจากการที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวไว้ในหนังสือฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ไปแถลงของดการบังคับคดีภายในกำหนดเวลาที่โจทก์กำหนดผ่อนผันให้ใหม่ จึงเป็นการปฏิบัติตามข้อผ่อนผันของโจทก์หรือถือว่าจำเลยทั้งสองได้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแล้วฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังที่โจทก์อ้าง ทั้งไม่ปรากฏความเสียหายแก่โจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับการงดการบังคับคดีดังกล่าว กรณีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกร้องบังคับให้คืนเงินและบังคับคดีตามข้อสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 6 กับจำเลยทั้งสอง คดีไม่จำต้องพิจารณาประเด็นอื่นอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share