คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 1 ได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย จนหลุดเป็นกรรมสิทธิแบ้ว เมื่อยังไม่ปรากฏทางทะเบียนว่าได้เปลี่ยนโอนกรรมสิทธิไปยังผู้อื่นกรรมสิทธิก็ยังคงตกเป็นของโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงขายให้โจทก์ที่ 2 แล้ว ก็ตาม โจทก์ที่ 1 ก็ยังมีกรรมสิทธิเป็นเจ้าของและมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยซึ่งเป็นที่ดินขายฝากโจทก์ไว้เกิน 10 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าไถ่ถอนแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งดังนี้ คดีไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ขายฝากที่ดินไว้ไม่ได้ไถ่ถอนโอนทะเบียนคืนมาผู้ขายฝากไปโอนทะเบียนขายให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อฝากฟ้องขอให้ทำลายการโอนได้

ย่อยาว

โจทก์ที่ ๑ ได้รับซื้อฝากที่พิพาทซึ่งเป็นที่บ้านไว้จากจำเลยที่ ๑ เกินกำหนดไถ่ถอน เป็นกรรมสิทธิแล้ว โจทก์ที่ ๑ ได้ขายที่พิพาทนี้แก่โจทก์ที่ ๒ กับนายยูชุบสามี โดยวิธีผ่อนใช้ และได้ผ่อนใช้ครบแล้ว ยังแต่มิได้โอนกรรมสิทธิขายกันทางทะเบียน จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้เอาที่พิพาท ร้องขอขายแก่จำเลยที่ ๓ โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของำจเลยที่ ๑ ที่ ๒ โจทก์ร้องคัดค้าน ทางอำเภอก็ยังทำสัญญาซื้อขายให้จำเลย โจทก์จึงฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ที่ ๑ และขอให้สั่งทำลายนิติกรรมซื้อขายของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทยังเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ที่ ๑ แต่เชื่อข้อเท็จจริงตามคำพะยานจำเลยว่า จำเลยได้ไถ่ถอนที่พิพาทจากโจทก์ โดยโจทก์ยินยอมให้ไถ่แล้ว โจทก์ที่ ๑ จึงตกอยู่ในข้อผูกพันธ์ต้องจดทะเบียนการไถ่ถอนการขายฝากต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อจำเลยต้องการ ส่วนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยวินิจฉัยว่าไม่สุจริต ใช้ไม่ได้ตาม ก.ม. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่พิพาทและให้เพิกถอนทำลายนิติกรรมระหว่างจำเลย
จำเลยฎีกามีใจความว่า (๑) โจทก์ที่ ๑ ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง (๒) นายยูซุบครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยๆ ย่อมได้กรรมสิทธิ (๓) นิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยใช้ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า (๑) โจทก์ที่ ๑ ได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลยที่ ๑ จนหลุดพ้นเป็นกรรมสิทธิแล้ว เมื่อยังไม่ปรากฏทางทะเบียนว่าได้เปลี่ยนโอนกรรมสิทธิไปยังผู้อื่น กรรมสิทธิก็ยังตกเป็นของโจทก์ที่ ๑ แม้โจทก์จะหล่าวว่าได้ตกลงขายให้โจทก์ที่ ๒ แล้วก็ตาม โจทก์ที่ ๑ ยังทรงสิทธิเป็นเจ้าของและมีอำนาจฟ้องคดี+ที่จำเลยว่าใช้นายยูซุบไปไถ่ที่แทนแล้ว (จำเลยว่าใช้+ที่ขายฝากและรับหนังสือขายฝากคืนแล้ว แต่ยังไม่ได้+ทะเบียน) คดียังไม่ต้องพิพจารณาข้อต่อสู้นี้ เพราะเป็น+ยกฟ้อง (๒) ที่ดินบ้านรายพิพาทปรากฏทางทะเบียน+โจทก์ที่ ๑ แม้จะฟังว่านายยูซุบครอบครองแทนโดยปรปักษ์ก็มีระยะเวลาเพียง ๔-๕ ปี โจทก์ที่ ๑ +ได้กรรมสิทธิ (๓) ที่บ้านรายนี้เป็นของโจทก์ที่ ๑ +ซื้อฝากหลุดเป็นสิทธิ มิใช่ของจำเลยที่ ๑,๒ ๆ + อาจที่จะขายที่ดินรายนี้ จำเลยที่ ๒ เป็นมารดาของ+ ๑ ที่ ๓ พฤตติการณ์แห่งคดีมีเหตุที่น่าเชื่อว่า จำเลย+ ความเป็นไปในเรื่องนี้ จะเรียกว่าจำเลยที่ ๓ + จากมารดาและพี่สาวโดยสุจริตไม่ได้.
อาศัยเหตุดังกล่าว จึงพิพากษายืน.

Share