คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์เป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจศาล ถ้ามีเหตุอันแน่นแฟ้นอันเป็นที่เชื่อได้ว่า เมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหลาย ศาลก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์วางเงินประกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า อาคารเลขที่ 3346/5 ถนนโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมาเป็นของโจทก์ โดยกล่าวว่าจำเลยได้ฟ้องเรียกอาคารเลขที่ 3346 ค. จากนางสำเนียง กรรณสูตรและชนะคดีแล้วจำเลยจะมาเอาอาคารของโจทก์

จำเลยต่อสู้ว่า อาคารที่พิพาทเป็นของนางสำเนียง ๆ ได้ขายฝากจำเลยไว้ และไม่ไถ่ จึงตกเป็นสิทธิของจำเลย จำเลยได้ให้นางสำเนียงแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากหลังคามุงจากเป็นสังกะสี และเปลี่ยนรูปเรือนจาก3 หลังแฝดเป็นหลังคาเดียว การที่มีเลขทะเบียนบ้านเพิ่มขึ้นก็เพราะโจทก์กับนางสำเนียงสมคบกันโกงจำเลยโดยไปขอเลขบ้านใหม่มาจากเทศบาล กับฟ้องแย้งว่า ที่โจทก์และบริวารอยู่ในอาคารที่พิพาททำให้จำเลยเสียหายเดือนละ 1,500 บาท 4 เดือน เป็นเงิน 6,000 บาทจึงขอให้ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย

ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์เป็นบริวารนางสำเนียง และไม่มีหลักฐานถ้าโจทก์แพ้คดีก็ไม่มีทรัพย์สิ่งใดให้จำเลยยึดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าเสียหายแก่จำเลยได้ ที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็เพื่อประวิงเวลาเท่านั้น จึงขอให้สั่งโจทก์วางเงินเป็นประกันเพื่อความเสียหายของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 เป็นเงิน 10,000 บาท

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า อาคารที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยไม่ได้เสียหาย โจทก์เป็นคนอยู่ในเขตอำนาจศาล ไม่ต้องวางเงินเป็นประกันเพื่อความเสียหาย

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า อาคารพิพาทนั้นโจทก์จำเลยยังโต้เถียงสิทธิกันอยู่จะใช้เป็นหลักประกันไม่ได้ เมื่อโจทก์รับว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์อีก จึงเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 จึงมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่อศาลเป็นเงิน600 บาท ภายใน 7 วัน ข้อที่โจทก์ขอให้จำเลยวางเงินค่าเสียหายด้วยนั้น ฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งว่า โจทก์เป็นคนอยู่ในเขตอำนาจศาล และมีอาคารที่พิพาทเป็นหลักประกัน จึงไม่ต้องวางเงินประกัน

ต่อมาโจทก์ไม่นำเงิน 600 บาทมาวางศาลภายในกำหนดศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสีย

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลที่จำหน่ายคดีโจทก์ด้วย

ศาลอุทธรณ์เห็นชอบด้วยคำสั่งศาลชั้นต้นทั้ง 2 ฉบับ จึงพิพากษายืน และให้โจทก์เสียค่าทนายความในชั้นนี้แทนจำเลย 100 บาท

โจทก์ฎีกาเฉพาะคำสั่งศาลที่ให้โจทก์วางเงิน 600 บาท

ศาลฎีกาได้ฟังคำแถลงการณ์จำเลย และประชุมปรึกษาคดีนี้โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 นั้น ยังไม่ชอบ เพราะโจทก์อยู่ในเขตอำนาจศาลและมีอาคารที่พิพาทเป็นหลักทรัพย์นั้น เห็นว่า แม้โจทก์เป็นผู้ที่อยู่ในเขตอำนาจศาล แต่ถ้ามีเหตุแน่นแฟ้นอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหลาย ถ้าศาลไต่สวนเห็นว่า คำขออีกฝ่ายหนึ่งนั้นมีเหตุเป็นที่เชื่อได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์วางเงินประกันได้ ตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมา และคดีนี้ศาลล่างทั้งสองก็ฟังมาว่า เมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งข้อนี้โจทก์มิได้คัดค้านมา ส่วนอาคารที่พิพาทนี้โจทก์จำเลยยังเถียงสิทธิกันอยู่ ไม่แน่ว่าจะเป็นของฝ่ายใด ที่ศาลล่างทั้งสองว่าจะเอาอาคารที่พิพาทมาใช้เป็นหลักประกันไม่ได้นั้นชอบแล้วข้อที่โจทก์อ้างว่าถ้ากฎหมายมีความประสงค์ให้โจทก์ทุกคดีต้องวางเงินประกันคงจะไม่บัญญัติ มาตรา 155 ไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเห็นว่า มิใช่โจทก์ซึ่งเป็นคนอนาถาจะขอว่าความอย่างคนอนาถาได้ทุกคดีก็หามิได้ โจทก์ทุกคดีจำต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าคดีของตนมีมูลจะชนะได้ด้วย ศาลจึงจะสั่งอนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน และให้โจทก์เสียค่าทนายความแทนจำเลยเป็นเงิน 25 บาท

Share