คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรนีที่เปนความผิดกะทงเดียวลเมิดกดหมายหลายบทและความผิดบางบทขึ้นสาลทหาน บางบทขึ้นสาลพลเรือนดังนี้ ถ้าได้ฟ้องจำเลยต่อสาลทหาน และสานทหานพิพากสาลงโทสจำเลยไนบทความผิดที่ขึ้นสาลทหานแล้ว จะมาฟ้องจำเลยต่อสาลพลเรือนไนความผิดบทที่ขึ้นสาลพลเรือนอีกไม่ได้ แม้ความผิดที่ขึ้นสาลพลเรือนจะเปนบทหนักว่าก็ตาม

ย่อยาว

จำเลยได้รับคำสั่งจากอธิบดีตำหรวดไห้ไปหยู่จังหวัดประจวบฯ จนกว่าจะเวส็ดสงครามตามอำนาดไนพระราชบัญญัติไห้อำนาดไนการเตรียมป้องกันประเทส ๒๔๘๔ ต่อมาจำเลยออกจากจังหวัดประจวบ ฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้ฟ้องจำเลยต่อสาลทหานบทที่ ๕ (ประจวบคีรีขันธ์) ขอไห้ลงโทสจำเลยตามพระราชบัญญัติไห้อำนาดไนการเตรียมป้องกันประเทส ๒๔๘๔ มาตรา ๗,๔ข้อ ๑๐ และกดหมายลักสนะอาญา มาตรา ๓๓๔ (๒) จำเลยรับสารภาพ สาลทหานลงโทสจำเลยตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา ๓๓๔(๒)ฉ ไห้ยกข้อหาถานผิดพระราชบัญญัติเตรียมฟ้องกันประเทส อ้างว่าเปนความผิดขึ้นสาลพลเรือน โจทจึงมาฟ้องคดีนี้ขอไห้ลงโทสตามพระราชบัญญัติเตรียมป้องกันประเทส จำเลยรับสารภาพ
สางล่างพิพากสายกฟ้อง โดยเห็นว่าเปนเรื่องฟ้องซ้ำ
โจทดีกา สาลดีกาวินิฉัยว่า ที่สาลทหานลงโทสจำเลยก็ไนความผิดกรนีที่จำเลยหลบหนีจากจังหวัดประจวบฯ นี้เอง ถ้าเปนคดีเดียวกันสาลย่อมวางบทหนัก แต่เรื่องนี้หยู่ไนอำนาดสาลต่างกัน ถ้าโจทประสงค์จะไห้ลงโทสตามบทหนักก็ชอบที่จะฟ้องต่อสาลที่มีอำนาดพิจารนาพิพากสาบทหนัก เมื่อโจทเลือกฟ้องต่อสาลที่มีอำนาตพิจารนาพิพากสาบทเบาจนมีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดแล้วก็มาฟ้องไหม่ไม่ได้ ส่วนคำพิพากสาดีกาที่ ๑๐๘๙/๒๔๘๗ ที่โจทอ้างเรื่องฟ้องทำร้ายร่างกาย แล้วผู้ถูกทำร้ายตายไนชั้นอุธรน์ กรนีต่ากับเรื่องนี้ จึงพิพากสายืนตามสางล่าง

Share