แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรนีที่เปนความผิดกะทงเดียวลเมิดกดหมายหลายบทและความผิดบางบทขึ้นสาลทหาน บางบทขึ้นสาลพลเรือนดังนี้ ถ้าได้ฟ้องจำเลยต่อสาลทหาน และสานทหานพิพากสาลงโทสจำเลยไนบทความผิดที่ขึ้นสาลทหานแล้ว จะมาฟ้องจำเลยต่อสาลพลเรือนไนความผิดบทที่ขึ้นสาลพลเรือนอีกไม่ได้ แม้ความผิดที่ขึ้นสาลพลเรือนจะเปนบทหนักว่าก็ตาม
ย่อยาว
จำเลยได้รับคำสั่งจากอธิบดีตำหรวดไห้ไปหยู่จังหวัดประจวบฯ  จนกว่าจะเวส็ดสงครามตามอำนาดไนพระราชบัญญัติไห้อำนาดไนการเตรียมป้องกันประเทส ๒๔๘๔  ต่อมาจำเลยออกจากจังหวัดประจวบ ฯ  โดยไม่ได้รับอนุญาต  ได้ฟ้องจำเลยต่อสาลทหานบทที่ ๕ (ประจวบคีรีขันธ์)  ขอไห้ลงโทสจำเลยตามพระราชบัญญัติไห้อำนาดไนการเตรียมป้องกันประเทส ๒๔๘๔  มาตรา ๗,๔ข้อ ๑๐  และกดหมายลักสนะอาญา  มาตรา  ๓๓๔ (๒)  จำเลยรับสารภาพ  สาลทหานลงโทสจำเลยตามกดหมายลักสนะอาญามาตรา  ๓๓๔(๒)ฉ  ไห้ยกข้อหาถานผิดพระราชบัญญัติเตรียมฟ้องกันประเทส  อ้างว่าเปนความผิดขึ้นสาลพลเรือน  โจทจึงมาฟ้องคดีนี้ขอไห้ลงโทสตามพระราชบัญญัติเตรียมป้องกันประเทส  จำเลยรับสารภาพ
สางล่างพิพากสายกฟ้อง  โดยเห็นว่าเปนเรื่องฟ้องซ้ำ
โจทดีกา  สาลดีกาวินิฉัยว่า  ที่สาลทหานลงโทสจำเลยก็ไนความผิดกรนีที่จำเลยหลบหนีจากจังหวัดประจวบฯ นี้เอง  ถ้าเปนคดีเดียวกันสาลย่อมวางบทหนัก  แต่เรื่องนี้หยู่ไนอำนาดสาลต่างกัน  ถ้าโจทประสงค์จะไห้ลงโทสตามบทหนักก็ชอบที่จะฟ้องต่อสาลที่มีอำนาดพิจารนาพิพากสาบทหนัก  เมื่อโจทเลือกฟ้องต่อสาลที่มีอำนาตพิจารนาพิพากสาบทเบาจนมีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดแล้วก็มาฟ้องไหม่ไม่ได้  ส่วนคำพิพากสาดีกาที่ ๑๐๘๙/๒๔๘๗  ที่โจทอ้างเรื่องฟ้องทำร้ายร่างกาย  แล้วผู้ถูกทำร้ายตายไนชั้นอุธรน์  กรนีต่ากับเรื่องนี้  จึงพิพากสายืนตามสางล่าง

