คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีผู้มาบอกจำเลยว่าโจทก์กระทำผิดกฎหมาย ด้วยความไม่ระมัดระวังให้รอบคอบโดยไม่มีเหตุอันสมควรพอจะฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง จำเลยก็ไปจับโจทก์ทันทีทำให้โจทก์ต้องถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังดังนี้ แม้มูลเหตุที่จำเลยกระทำเปนเพราะความไม่ระมัดระวังก็ดี ก็ต้องมีผิดฐานกักขังตาม ม.270 ไม่ใช่ฐานกักขังโดยประมาท

ย่อยาว

ได้ความว่าโคของเจ้าทรัพย์หายไป เจ้าทรัพย์ได้ไปแจ้งต่อจำเลยซึ่งเปนผู้ใหญ่บ้าน ต่อมา ๒ วัน เจ้าทรัพย์ไปพบทรากโคที่บ้านลำไผ่ จึงได้ไปแจ้งต่อจำเลยอีก จำเลยจึงให้ผ. ซึ่งเปนครูสอนอยู่โรงเรียนเดียวกับน้องชายโจทก์ให้เขียนรายงานชี้แจงต่อกำนันต่อมาโจทก์นำปิ่นโตอาหารมาส่งให้น้องชายโจทก์รับประทางที่โรงเรียน ผ. แลเห็นอาหารในปิ่นโตมีลาบเนื้ออยู่ด้วยเห็นว่าลาบเนื้อจำต้องใช้เนื้อสด จึงคิดว่าเปนเนื้อรายที่โคเจ้าทรัพย์ถูกฆ่า จึงไปแจ้งต่อจำเลยทันที จำเลยจึงไปที่โรงเรียนทันทีขณะที่โจทก์อยู่ที่นั้น แล้วเอาตัวโจทก์ไปที่บ้านจำเลย แลตีเกราะประชุมถูกบ้านว่าจับผู้ร้ายได้แล้ว คือ โจทก์ แล้วยังพาโจทก์ไปส่งต่อผู้ใหญ่บ้านอีก ภายหลังปรากฎว่าโคที่ถูกฆ่าหาใช่โคของเจ้าทรัพย์ไม่ ผู้ใหญ่บ้านจึงปล่อยตัวจำเลยไป ปรากฎว่าโจทก์ผู้นี้เปนหญิงแก่อายุถึง ๕๒ ปี รวมเวลาโจทก์ต้องถูกกักขังอยู่ ๗ ชั่วโมง ได้ความดังนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกักขังโจทก์โดยประมาท มีผิดตาม ม. ๒๗๑ ให้ปรับ ๑ บาท
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงจะว่าจำเลยทำไปโดยมีเหตุสมควรโดยสงสัยว่าโจทก์ทำผิดกฎหมายยังไม่ถนัดเห็นว่าเปนความผิด แต่ที่ศาลชั้นต้นวาง ม.๒๗๑ นั้นยังคลาดเคลื่อน เพราะการที่โจทก์ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังนั้นเปนเพราะการกระทำโดยตั้งใจของจำเลย แม้มูลเหตุที่ให้จำเลยทำเปนด้วยความไม่ระมัดระวังของจำเลยก็ดี จึงมิใช่กระทำโดยฐานประมาท ความผิดของจำเลยจึงเข้า ม.๒๗๐ จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๕ วัน ปรับ ๑ บาท โทษจำให้ยกเสียตามม.๔๐ คงปรับจำเลย ๑ บาทตามที่โจทก์ขอในฎีกา

Share