คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องส่วนที่ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นแม้ไม่บรรยายว่าโทษที่ขอให้นับต่อเกี่ยวกับความผิดอะไร ศาลกำหนดโทษอย่างไรก็เป็นฟ้องที่ชอบ
จำเลยฎีกาขอให้หักวันต้องขังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาออกให้จำเลยนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษไปก่อนแล้ว คดีก็ไม่มีประโยชน์อันควรแก่การวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันออกเช็ค 2ฉบับโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค จำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ที่แก้ไขแล้ว และนับโทษจำเลยต่อ
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด 2 กรรมต่างกัน ให้จำคุกกรรมละ 1 ปี รวม 2 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาอื่น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและหักวันขังแต่ละกระทงให้ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลให้นับโทษต่อเป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์ไม่แสดงรายละเอียดอันต้องกล่าวมาในฟ้องว่า คดีที่ขอนับโทษจำเลยต่อเกี่ยวกับความผิดอะไร ศาลกำหนดโทษไว้อย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้อง และว่าที่ถูกต้องจะต้องหักวันต้องขังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาออกให้จำเลยแต่ละกระทงด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์ที่ขอให้นับโทษต่อโดยไม่บรรยายว่าโทษที่ขอให้นับต่อเกี่ยวกับความผิดอะไร ศาลกำหนดโทษอย่างไรเป็นฟ้องที่ไม่ชอบนั้นเห็นว่าข้อที่จำเลยอ้างล้วนเป็นรายละเอียดซึ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้อง เมื่อจำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงจะนำสืบข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อไปฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้หักวันต้องขังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาออกให้จำเลยแต่ละกระทงความผิดนั้น ปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษในคดีนี้ไปก่อนแล้วตามหมายปล่อยในสำนวน คดีจึงไม่มีประโยชน์อันควรแก่การวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share