คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9331/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัท น. จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ต่อมาบริษัท น. หยุดประกอบกิจการ เนื่องจากประสบภาวะการขาดทุน นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนบริษัทและได้ประกาศการขีดชื่อบริษัทในราชกิจจานุเบกษาแล้วทำให้บริษัท น. เป็นอันเลิกกันโดยผลของกฎหมาย และเมื่อเป็นการเลิกกันเพราะเหตุอย่างอื่นนอกจากเหตุล้มละลาย จึงต้องมีการชำระบัญชีของบริษัท น. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 เพื่อให้ผู้ชำระบัญชีเข้ามาจัดการงานของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมทรัพย์สิน จำหน่ายทรัพย์สิน ชำระหนี้คืนทุนแบ่งกำไรหรือขาดทุน และทำการอย่างอื่น ๆ ตามแต่จำเป็นเพื่อชำระบัญชีให้เสร็จไปด้วยดี การที่ผู้ร้องในฐานะเป็นกรรมการของบริษัท น. ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชี จึงมิใช่เป็นการข้ามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246(6) เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอให้สั่งให้กลับจดชื่อบริษัทคืนเข้าสู่ทะเบียนบริษัท ศาลชั้นต้นจึงต้องดำเนินการไต่สวนพยานผู้ร้องแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทนีน่านีโน่ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท จำกัด เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2532 ต่อมาประมาณปี 2535 บริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด หยุดประกอบกิจการ เนื่องจากประสบภาวะการขาดทุน จึงถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครขีดชื่อออกจากทะเบียนบริษัท โดยคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่ทราบ และมีการประกาศการขีดชื่อบริษัทในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2538 บริษัทจึงเลิกกันตามกฎหมายแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ชำระบัญชีของบริษัท ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมาย ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัท

ศาลชั้นต้นให้งดการไต่สวนพยานผู้ร้องแล้วมีคำสั่งว่า บริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด ถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง สถานะความเป็นนิติบุคคลของบริษัทดังกล่าวย่อมสิ้นสุดลงและบริษัทเป็นอันเลิกกันโดยผลของกฎหมาย การที่ผู้ร้องขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ชำระบัญชีของบริษัทโดยไม่ปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวได้มีการกลับจดชื่อเข้าสู่ทะเบียน จึงเป็นการข้ามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1246(6) ไม่มีเหตุที่จะตั้งผู้ชำระบัญชี ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า บริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ต่อมาบริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด หยุดประกอบกิจการ เนื่องจากประสบภาวะการขาดทุนนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนบริษัทและได้ประกาศการขีดชื่อบริษัทในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2538 ทำให้บริษัทดังกล่าวเป็นอันเลิกกันโดยผลของกฎหมาย

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของผู้ร้องประการเดียวว่า คดีมีเหตุที่จะตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด ได้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อบริษัทนีน่า นีโน่ จำกัด ถูกขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนบริษัทและมีการประกาศการขีดชื่อบริษัทในราชกิจจานุเบกษาแล้วจึงเป็นกรณีที่บริษัทเลิกกันโดยผลของกฎหมาย อันเป็นการเลิกกันเพราะเหตุอย่างอื่นนอกจากเหตุล้มละลาย จึงต้องมีการชำระบัญชีของบริษัทเสมอไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 เพื่อให้ผู้ชำระบัญชีเข้ามาจัดการงานของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมทรัพย์สิน จำหน่ายทรัพย์สินชำระหนี้คืนทุน แบ่งกำไรหรือขาดทุนและทำการอย่างอื่น ๆ ตามแต่จำเป็นเพื่อชำระบัญชีให้เสร็จไปด้วยดี ดังนั้น การที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีจึงมิใช่เป็นการข้ามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1246(6) ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอให้สั่งให้กลับจดชื่อบริษัทคืนเข้าสู่ทะเบียนบริษัท ผู้ร้องในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทจึงมีอำนาจขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีได้

พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานผู้ร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่แล้ว

Share