แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ช. ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทมาจากบริษัท อ. และขณะเดียวกัน ช. ได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อต่อไป จำเลยผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้ ช. เสร็จสิ้นแล้ว แต่ ช. มิได้โอนทะเบียนรถคันพิพาทให้จำเลย ต่อมาจำเลยได้ขายรถคันพิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์ชำระราคาแก่จำเลยครบถ้วนแล้ว และโจทก์ได้นำรถคันพิพาทไปจ้างซ่อมเสียค่าจ้างซ่อมไปอีก แต่เนื่องจาก ช. ไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่บริษัท อ. เกินกว่าสองงวด เป็นการผิดสัญญา พนักงานบริษัท อ. จึงได้ยึดรถคันพิพาทไป ดังนี้เมื่อจำเลยไม่สามารถโอนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ได้โดยมิใช่ความผิดของโจทก์ เพราะการที่รถคันพิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท อ.เจ้าของที่แท้จริง โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะโต้แย้งได้ ถือได้ว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 แม้จำเลยจะมิได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม จำเลยต้องคืนราคารถคันพิพาทแก่โจทก์ และการที่โจทก์ต้องซ่อมรถคันพิพาทเสียค่าซ่อมไปนั้น ก็ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องมาจากที่โจทก์ถูกรอนสิทธิ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยมีกรรมสิทธิรถแทรคเตอร์ยี่ห้อฟอร์ด จำเลยจะขายให้โจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายรถดังกล่าวราคา ๒๕,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ชำระราคาให้จำเลยรับไปครบถ้วนแล้ว จำเลยได้มอบรถดังกล่าวให้โจทก์ ความจริงรถดังกล่าวเป็นของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์จำกัด โจทก์ได้ซ่อมแซมรถจนมีสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี ต่อมาบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด ได้มายึดรถดังกล่าวไป โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ และบอกเลิกสัญญากับจำเลย และให้จำเลยคืนราคารถ ชดใช้ค่าเครื่องอุปกรณ์ซ่อมรถและค่าจ้างซ่อมรถรวมเป็นเงิน ๔๕,๗๖๖ บาท จำเลยไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงขอให้พิพากษาบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายเงิน ๔๕,๗๖๖ บาท แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าซื้อรถคันดังกล่าวจากบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด โดยนายชูชาติเป็นผู้ให้เช่าซื้อแทนในราคา ๑๒๗,๖๐๒ บาท ตกลงกันว่าเมื่อชำระเงินครบทุกงวดแล้ว จำเลยจึงจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถดังกล่าว ต่อมาจำเลยชำระค่าเช่าซื้อจนครบให้กับนายชูชาติในฐานะตัวแทน จำเลยขอให้นายชูชาติโอนทะเบียนรถให้ นายชูชาติขอผัดทำโอน ต่อมาจำเลยขายให้โจทก์ต่อในราคา ๒๕,๐๐๐ บาท ตามฟ้องโดยโจทก์ทราบจากนายชูชาติแล้วว่าจำเลยไม่ได้ติดค้างค่าเช่าซื้อ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินราคารถ ๒๕,๐๐๐ บาทกับค่าอุปกรณ์รถและค่าจ้างซ่อมรถอีก ๑๙,๗๑๐ บาท รวม ๔๔,๗๑๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งนับจากวันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า รถคันพิพาทเป็นของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด นายชูชาติ สุจริตชัย ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาทไว้จากบริษัทเสียเอง แต่ในขณะเดียวกันนายชูชาติก็ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาทให้กับจำเลยไป เมื่อจำเลยผ่อนชำระราคาเช่าซื้อรถคันพิพาทให้กับนายชูชาติครบถ้วนแล้ว นายชูชาติก็มิได้จัดการโอนรถคันพิพาทให้จำเลย แต่กลับปรากฎว่านายชูชาติผิดนัดไม่ผ่อนชำระราคาเกินกว่าสองงวดให้กับบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด จำเลยได้ขายรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ในราคา ๒๕,๐๐๐ บาท โดยชำระราคากันครบถ้วนแล้ว ในขณะที่จำเลยนำรถคันพิพาทไปซ่อมอยู่ที่อู่หลังจากที่ซื้อมาแล้ว พนักงานของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์จำกัดก็ได้มาทำการยึดรถคันพิพาทไปเนื่องจากนายชูชาติผิดสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาท
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเมื่อจำเลยไม่สามารถโอนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ได้โดยที่มิใช่ความผิดของโจทก์ เพราะการที่รถคันพิพาทถูกยึดไปนั้น เป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์จำกัดเจ้าของที่แท้จริง โจทก์ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะโต้แย้งได้ จึงถือได้ว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิตามกฎหมาย จำเลยต้องรับผิดในกรณีที่โจทก์ถูกรอนสิทธิดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๗๕ แม้จำเลยจะมิได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม การที่โจทก์ต้องซ่อมรถคันพิพาทเสียเงินค่าซ่อมไปนั้น ก็ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกรอนสิทธิดังกล่าว โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
พิพากษายืน.