แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันโดยมีเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อ หนัก 0.53 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และขายเฮโรอีน 1 ห่อ หนัก 0.12 กรัม ที่จำเลยมีไว้นั้นให้ผู้มีชื่อ จำเลยรับสารภาพ ปรากฏตามทางพิจารณาว่าตำรวจจับผู้ซื้อพร้อมด้วยเฮโรอีน 1 ห่อ ซึ่งจำเลยขายให้และจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนของกลางอีก 4 ห่อ เห็นได้ว่าการที่จำเลยขายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นไป 1 ห่อย่อมเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกรรมหนึ่ง กับการที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีก 4 ห่อ จนกระทั่งถูกจับได้พร้อมกับเฮโรอีน ดังกล่าวย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะเป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน ความผิดดังกล่าวจึงแยกออกได้เป็นสองกรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดต่างกระทงกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
ก. จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ จำนวน 5 ห่อเล็กหนัก 0.53 กรัม ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษซึ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาดไว้ในความครอบครองของจำเลยเพื่อจำหน่ายหรือจ่ายแจก
ข. จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ จำนวน 1 ห่อเล็ก หนัก 0.12 กรัม ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษซึ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาดที่จำเลยร่วมกันมีไว้ให้แก่ผู้มีชื่อไป
ทั้งนี้โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามและผู้มีชื่อได้พร้อมด้วยเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ,20 ตรี พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 3, 4, 6, 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และสั่งริบของกลางเฉพาะที่เหลือจากการขายของจำเลย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ, 20 ตรีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 3, 4, 6, 7ให้ลงโทษจำคุกฐานขายยาเสพติดให้โทษ 5 ปี ฐานมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยดีเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ของกลางริบ ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 จำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 5 ห่อเล็ก หนัก 0.53 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย (ข้อ 1 ก.)และร่วมกันขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 1 ห่อเล็ก หนัก 0.12 กรัม ที่จำเลยร่วมกันมีไว้ดังกล่าวให้ผู้มีชื่อไป (ข้อ 1 ข.) จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งปรากฏตามทางพิจารณาว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ซื้อพร้อมด้วยเฮโรอีน1 ห่อ ซึ่งจำเลยที่ 1 ขายให้ และจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมด้วยเฮโรอีนของกลาง4 ห่อ เห็นได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ขายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นไป 1 ห่อ ตามฟ้องข้อ 1 ข.ย่อมเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกรรมหนึ่ง กับการที่จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกจำนวน 4 ห่อตามฟ้องข้อ 1 ก. จนกระทั่งถูกจับได้พร้อมกับเฮโรอีนดังกล่าว ย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งต่างหากจากความผิดในฟ้องข้อ 1 ข. เพราะเป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน ความผิดดังกล่าวจึงแยกออกได้เป็น 2 กรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดต่างกระทงกัน หาใช่เป็นกรรมเดียวดังความเห็นของศาลอุทธรณ์ไม่ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6 ให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ส่วนการกำหนดโทษและลดโทษนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์