แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมไว้รอบไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสียทางดังกล่าวจึงเข้าลักษณะทางจำเป็นทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้บังคับให้จำเลยรือถอนสิ่งปลูกสร้างใดๆที่ทำขึ้นบนที่ดินเพื่อให้โจทก์เดินผ่านที่ดินของจำเลยดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางพิพาทจึงไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่7164 เลขที่ 500 โฉนดเลขที่ 7165 เลขที่ดิน 501 โฉนดเลขที่7166 เลขที่ 502 โฉนดเลขที่ 7170 เลขที่ 506 และโฉนดเลขที่7172 เลขที่ดิน 508 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง(เมือง)จังหวัดสมุทรปราการ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7168 เลขที่ 504 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง(เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ เดิมจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1217 เลขที่ดิน 48 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง (เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ แล้วแบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อย ๆ หลายแปลง ซึ่งรวมทั้งที่ดินของโจทก์และของจำเลยแปลงดังกล่าวโดยจำเลยแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 7168 ไว้เป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณประโยชน์สำหรับที่ดินแปลงย่อย เจ้าของที่ดินแปลงย่อยใช้ทางดังกล่าวเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ตลอดมาเป็นระยะเวลา 30 ปี ทางดังกล่าวจึงเป็นทางภาระจำยอมสำหรับที่ดินของโจทก์ทั้ง 5 แปลง หากไม่มีทางดังกล่าวโจทก์และเจ้าของที่ดินแปลงย่อยไม่สามารถเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2535 จำเลยปิดกั้นทางดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 7168 และขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 7168 เลขที่ดิน 504 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง(เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งแปลงของจำเลยตกเป็นทางภารจำยอมของที่ดินโจทก์ทั้ง 5 แปลงดังกล่าว
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 7168 ที่ดินพิพาทไม่มีสภาพเป็นทาง จำเลยไม่ได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์สำหรับที่ดินแปลงที่แบ่งแยก โจทก์และเจ้าของที่ดินแปลงย่อยมีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ซึ่งเป็นทางที่ติดกับที่ดินของโจทก์เลขที่ดิน 506 และ 508 โดยใช้มานานแล้ว ที่ดินพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็น โจทก์และผู้ที่เคยเป็นเจ้าของที่ดินของโจทก์ไม่เคยใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออก โจทก์เพิ่งปลูกสร้างบ้านในที่ดินของโจทก์ก่อนฟ้องประมาณ 2 เดือนเศษ หากโจทก์ใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกก็ใช้เป็นเวลาเพียง 2 เดือนเศษ ที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ทางภารจำยอม จำเลยมีสิทธิกระทำการใด ๆ ในที่ดินพิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทตามโฉนดเลขที่ 7168เลขที่ดิน 504 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง (เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ เป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 7164,7165, 7166, 7170, และ 7172 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง(เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางพิพาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาข้อเดียวว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้อง เห็นว่า โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เดิมจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1217 ต่อมาจำเลยได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยหลายโฉนดซึ่งรวมทั้งที่ดินของโจทก์และโฉนดที่ดินเลขที่ 7168 ของจำเลย โดยจำเลยแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ หากไม่มีทางดังกล่าวโจทก์และเจ้าของที่ดินแปลงอื่นไม่สามารถเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้จากถ้อยคำในฟ้องดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมไว้รอบ ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสีย ทางดังกล่าวจึงเข้าลักษณะทางจำเป็น ทั้งคำขอท้ายฟ้องข้อ 1 ก็ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ที่ทำขึ้นบนที่ดินโฉนดเลขที่7168 เพื่อให้โจทก์เดินผ่านที่ดินของจำเลย ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์ทั้ง 5 แปลงและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางพิพาทจึงไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้อง
พิพากษายืน