แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เห็นคนในสวนทุเรียนในเวลาค่ำคืน เข้าใจว่าเป็นคนร้าย ร้องทักถามแล้วไม่ได้รับคำตอบ จึงใช้ปืนแก๊บยิงไป 1 นัด ถูกที่ขา บาดเจ็บสาหัสดังนี้เป็นการกระทำอันเกินสมควรแก่เหตุ และมีความผิด
ใช้ปืนแก๊บยิงคนร้ายถูกขาอ่อนทลุเป็นบาดแผล สาหัส และเจตนาป้องกันทรัพย์ และมีพฤตติการณ์อื่นประกอบ ถือว่ามีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่พยายามฆ่าคน.
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยใช้ปืนแก๊บยิงนายเรียง ๑ นัด ถูกขาอ่อนทลุเป็นบาดเจ็บสาหัส โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๖๐
จำเลยให้การว่านายเรียงเป็นคนร้ายลักเก็บผลทุเรียนในสวนของจำเลย ๆ ใช้ปืนยิงนายเรียง ๑ นัด โดยป้องกันทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๖, ๕๓
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จึ่งพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้นายเรียงจะเป็นผู้ร้ายมาลักทุเรียนในสวนของจำเลยก็ดี ก่อนที่จำเลยจะใช้ปืนยิง ควรจะต้องพิจารณาดูอาการของผู้ร้ายเสียก่อนว่าจะเป็นภัยแก่คนประการใด แล้วจึงชอบที่จะกระทำการช่วยตนเพื่อป้องกันผลร้ายตามควรแห่งความจำเป็นในยามฉุกเฉินนั้น คดีได้ความว่า พอจำเลยร้องทักถามแล้วไม่ได้รับคำตอบ จำเลยก็ยิงไป ซึ่งเป็นการไม่ควรหรือไม่ใช่ความจำเป็นที่จะต้องทำเช่านั้น เพราะผู้ร้ายยังมิได้แสดงอาการที่จะต่อสู้หรือจะทำร้ายจำเลยหรือจะพาเอาทรัพย์ไป เพียงแต่เห็นตัวกันเท่านั้น จึงเป็นการด่วนและแรงไป เพราะเจ้าทรัพย์ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจะยิงผู้ร้ายที่กระทำการลักทรัพย์ได้ตามชอบใจ นอกจากจะจับหรือกระทำการป้องกันตนและทรัพย์ตามความจำเป็นแก่เหตุ แต่การที่จำเลยใช้ปืนแก๊ปยิงไปที่ขาผู้นั้นเพียงนัดเดียว และมีผลเพียงบาดเจ็บ ประกอบกับมีเจตนาเพียงจะฟ้องกันทรัพย์ มิได้เจตนาจะฆ่าหรือเล็งเห็นผลธรรมดาว่าผู้นั้นจะต้องตายเพราะการกระทำของตนดังนี้ ไม่พอจะเห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าคน หากแต่เป็นผิดเพียงทำร้ายร่างกาย และเป็นการกระทำอันเกินสมควรแก่เหตุ จึ่งพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.