แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คุมแยกนักโทษกันควบคุมซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงที่ห้ามไม่ให้แยกกันคุม แล้วผู้คุมคน 1 ใช้นักโทษไปซื้อของ นักโทษจึงเลยหนีไป ผู้คุมทั้ง 2 คนมีผิดตามมาตรา 169
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ ได้รับนักโทษ ๗ คนไปทำงานนอกเรือนจำ จำเลยทั้ง ๒ ตกลงแบ่งนักโทษกันควบคุมทำงาน คือ ช. จำเลยคุม ๓ คน ท. จำเลยคุม ๔ คน ปรากฎว่า จ. นักโทษซึ่งอยู่ในความควบคุมของ ท. ได้หนีไปโดยความประมาทเลินเล่อของ ท. จำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามกฎเสนาบดีกระทรวงนครบาลว่าด้วยการใช้แรงนักโทษข้อ ๑๕ – ๑๖ ซึ่งห้ามมิให้ผู้คุมแบ่งแยกนักโทษกันทำงาน เป็นอันถือได้ว่าจำเลยทั้งสองคนตกอยู่ในฐานะประมาท พิพากษาว่าจำเลยทั้ง ๒ มีผิดตาม ม.๑๖๙ จำคุกคนละ ๒ เดือน ปรับคนละ ๑๐๐ บาท แต่ให้ยกโทษจำคุกเสีย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสำหรับตัว ท. จำเลยนั้นต้องถือว่ามีความประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้นักโทษหนีโดยไม่มีปัญหา ส่วน ช. จำเลยนั้นความประมาทที่แบ่งแยกกันคุมนักโทษยังไม่บังเกิดผลให้ จ. หนีไปโดยตรง ช. จำเลยจึงยังไม่มีผิด
ศาลฎีกาเห็นว่าการแยกกันควบคุมนักโทษอันเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงข้างต้นนั้นผู้คุมทั้งสองคือจำเลยย่อมตกอยู่ในฐานประมาทตาม ม.๔๓ เพราะการแยกกันควบคุมนั้นเป็นเหตุให้การควบคุมบกพร่องไปนักโทษจึงหนีได้ ถึงแม้นักโทษจะหนีไปในระหว่าง ช. จำเลยมิได้ควบคุมก็ตาม ก็ต้องถือว่าความประมาทของ ช. จำเลยมีส่วนบังเกิดผลให้นักโทษหนีได้ ช.จำเลยจึงควรมีผิดด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น