แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดิน ผู้ปกครอง ทำผิดน่าที่ ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
ย่อยาว
ค.เปนบุตร ผ. ว.ป้า ค. ได้ยกที่ดินให้แก่ ค. ซึ่งเปนหลาน แต่ ค. ยังเปนเด็กอยู่ ผ.บิดา ค. จึงได้ปกครองที่นั้นมาในน่าที่บิดา ต่อมา ผ.ได้ภรรยาใหม่ แลมีบุตรกับภรรยาใหม่ ๒ คน ถึงคราวรางวัด ผ. ได้ลงชื่อตนกับ ค.ในใบไต่สวนแลโฉนด ภายหลัง ผ.ได้โอนโฉนดส่วนของค. ให้ ต. ภรรยาใหม่ โดยอ้างว่าได้ทำในฐานผู้ปกครอง ค. ต่อมา ผ.แล ค. ก็ได้โอนโฉนดที่รายนี้ให้แก่ ป. แล ส.บุตร ต. ต่อไปอีกทอดหนึ่ง
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีเห็นว่า โฉนดมีชื่อ ผ. แล ค. ค.ได้ยินยอมให้ ผ. บิดาโอนที่ดินส่วนของตนให้แก่ ต. ล่วงเวลามาตั้ง ๑๐ ปี ค.ขาดกรรมสิทธิแล้ว ให้ยกฟ้อง ค. ค.อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ที่รายนี้ยังเปนของ ผ.แล ค. อยู่ ผ.โอนส่วนของ ค. ให้แก่ ต. ภรรยาใหม่ แลบุตรที่เกิดด้วยภรรยาใหม่นั้นทำผิดน่าที่ผู้ปกครอง จึงพิพากษาให้แบ่งที่รายนี้เปนของ ค.แล ผ.คนละครึ่ง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ ผ. บิดาเอาที่ดินของบุตรที่ตนปกครองอยู่ มาลงชื่อเปนของตนครึ่งหนึ่งนั้น เปนการทำผิดน่าที่ผู้ปกครอง แลการที่ ผ. ยกที่ดินส่วนของ ค. ให้แก่ ต. ภรรยาใหม่นั้น จะถือว่า ค.ยินยอมด้วยไม่ได้ เพราะเวลานั้น ค. ยังเปนเด็ก การโอนนั้นใช้ไม่ได้ ผู้รับโอนต่อ ๆ ไปก็ไม่มีกรรมสิทธิ
อนึ่งถึงแม้ ผ. ได้โอนโฉนดของ ค. ให้แก่ ต. ตั้ง ๑๐ ปีมาแล้วก็ดี ก็หาตัดกรรมสิทธิของ ค. ได้ไม่ เพราะว่า ผ.บิดาเปนผู้ปกครองที่ดินแทน ค.มาแต่แรกจนบัดนี้ ส่วนข้อที่ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษตัดสินว่า ผ.กับ ค.มีชื่อในโฉนดด้วยกัน ค.มีส่วนในที่รายนี้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย เพราะ ผ. มีชื่อในโฉนดรายนี้โดยไม่สุจริต เอาที่ดินของบุตรที่ตนปกครองมาเปนของตนแต่โจทย์ไม่ได้ฎีกา เพราะฉนั้นศาลฎีกาจึงไม่แก้ ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย