คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9269/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าจำเลยที่2เป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทแต่จดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามถือกรรมสิทธิ์แทนซึ่งเป็นการกระทำภายในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้จำเลยที่2ล้มละลายโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนขอให้สั่งเพิกถอนการกระทำของจำเลยที่2ที่ยินยอมให้ผู้คัดค้านทั้งสามเข้าถือกรรมสิทธิ์แทนในโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการที่จำเลยที่2จดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามดังกล่าวเป็นการกระทำใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่2ตามความในมาตรา114แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่2ในคดีนี้ได้ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่าจำเลยที่2ไม่ใช่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทก็เป็นเพียงคำให้การที่ปฏิเสธคำร้องของผู้ร้องและทำให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทซึ่งคู่ความมีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้ามาสืบในชั้นพิจารณาต่อไปหาทำให้ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนในคดีนี้ไม่ เมื่อในชั้นพิจารณาผู้ร้องและผู้คัดค้านได้นำพยานหลักฐานของตนเข้ามาสืบจนสิ้นกระแสความแล้วผู้ร้องจะได้นำสืบข้อเท็จจริงใดๆอันเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทที่ว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยที่2หรือไม่จึงเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานของศาล คดีที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวนั้นต้องเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวหรือเป็นคดีที่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้ความคุ้มครองผู้เยาว์เท่านั้นแต่คดีนี้เป็นคดีร้องขอให้เพิกถอนการโอนหรือการกระทำใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่2ผู้ล้มละลายซึ่งต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483อันเป็นกฎหมายพิเศษมิใช่คดีแพ่งที่ฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แม้ผู้คัดค้านทั้งสามเป็นผู้เยาว์คดีนี้ก็ไม่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว การเพิกถอนการโอนหรือการกระทำเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษาตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนก็ยังถือเป็นการโอนหรือการกระทำโดยชอบอยู่จึงถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านทั้งสามต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนหรือการกระทำเป็นต้นไปปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ผู้ร้องว่าความเองในศาลชั้นต้นจึงไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่าทนายความให้ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความให้ผู้คัดค้านทั้งสามใช้แทนผู้ร้องจึงไม่ชอบศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2528 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2528
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2526 จำเลยที่ 2ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 133441 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 11/54โดยจดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 2เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ยินยอมให้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในระหว่างระยะเวลาสามปี ก่อนมีการขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลาย โดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ยินยอมให้ผู้คัดค้านทั้งสามถือกรรมสิทธิ์แทนในที่ดินโฉนดเลขที่ 133441พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยให้โอนกลับมาเป็นชื่อจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 หากไม่สามารถกลับสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านทั้งสามร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 2,136,150 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้าน ทั้ง สาม ไม่ยื่น คำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ 2 โดยให้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 133441 พร้อมสิ่งปลูกสร้างกลับมาเป็นชื่อจำเลยที่ 2 หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านทั้งสามร่วมกันชดใช้ราคาเป็นเงิน2,136,150 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้อง โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นอนุญาต
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้คัดค้านทั้งสาม กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนได้ ผู้คัดค้านทั้งสามเป็นผู้เยาว์ ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้มีเพียงศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ยินยอมให้ผู้คัดค้านทั้งสามถือกรรมสิทธิ์แทนในที่ดินโฉนดเลขที่133441 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 11/54 ซอยศูนย์วิจัยถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครโดยให้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมาเป็นของจำเลยที่ 2 หากไม่สามารถกลับสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านทั้งสามร่วมกันชดใช้ราคาเป็นเงิน 2,136,150 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ผู้คัดค้านร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
ผู้คัดค้าน ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นส่วนที่เสียเกินมาให้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสามที่ว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทในคดีนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 114 ได้หรือไม่ ซึ่งศาลล่างทั้งสองยังไม่ได้วินิจฉัยศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยโดยไม่ย้อนสำนวน ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแต่เป็นของผู้คัดค้านทั้งสามโดยซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายวัลลภ เคียงศิริ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2526ตามเอกสารหมาย ร.7 และซื้อบ้านพิพาทจากบริษัทสตารมิตบอร์ดจำกัดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2526 ตามเอกสารหมาย ร.8 จำเลยที่ 2เพียงทำสัญญาซื้อขายแทนในฐานะเป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์เท่านั้น กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งไม่หมายรวมถึงทรัพย์สินของบุคคลอื่นด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทแต่จดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามถือกรรมสิทธิ์แทน ซึ่งเป็นการกระทำภายในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้จำเลยที่ 2 ล้มละลาย โดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนขอให้สั่งเพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ยินยอมให้ผู้คัดค้านทั้งสามเข้าถือกรรมสิทธิ์แทนในโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามดังกล่าวเป็นการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ตามความในมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 ผู้ร้องจึงขอให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยที่ 2ในคดีนี้ได้ ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 2ไม่ใช่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทก็เป็นเพียงคำให้การที่ปฏิเสธคำร้องของผู้ร้องและทำให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทซึ่งคู่ความมีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้ามาสืบในชั้นพิจารณาต่อไป หาทำให้ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนในคดีนี้ได้ดังที่ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา
และที่ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกาว่า ผู้ร้องมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2แต่ในชั้นพิจารณา ผู้ร้องมิได้นำสืบข้อเท็จจริงใด ๆ นอกจากกล่าวอ้างลอย ๆ ว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 โดยใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามไว้แทนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อในชั้นพิจารณาคู่ความทั้งสองฝ่ายได้นำพยานหลักฐานของตนเข้ามาสืบจนสิ้นกระแสความแล้ว ผู้ร้องจะได้นำสืบข้อเท็จจริงใด ๆ อันเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 หรือไม่ จึงเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจในการรับฟังคำพยานหลักฐานของศาลฎีกา
ฎีกาผู้คัดค้านทั้งสามในปัญหาที่ว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 11 บัญญัติว่า “ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีดังต่อไปนี้ (3) คดีครอบครัวได้แก่ คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือการกระทำใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวแล้วแต่กรณี ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” จากบทบัญญัติดังกล่าว คดีที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น ต้องเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวหรือเป็นคดีที่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้ความคุ้มครองผู้เยาว์เท่านั้นแต่คดีนี้เป็นคดีร้องขอให้เพิกถอนการโอนหรือการกระทำใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ผู้ล้มละลายซึ่งต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 อันเป็นกฎหมายพิเศษ มิใช่คดีแพ่งที่ฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แม้ผู้คัดค้านทั้งสามเป็นผู้เยาว์ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลที่พิจารณาคดีล้มละลายนั้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ คดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวดังที่ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกาว่า หากคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจของเยาวชนและครอบครัวแล้วจะทำให้บิดาของบุตรผู้เยาว์แกล้งก่อหนี้ต่อบุคคลภายนอกแล้วให้มาฟ้องเป็นคดีล้มละลายเพื่อจะให้ผู้ร้องขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินระหว่างตนกับบุตรผู้เยาว์ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้นั้น เห็นว่าบทบัญญัติพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เป็นกฎหมายพิเศษที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งกำหนดให้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องพิจารณาเอาความจริงให้ได้ว่าลูกหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นบุคคลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริงหรือไม่ เพราะการวินิจฉัยให้บุคคลล้มละลายนั้นย่อมกระทบถึงสิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิตตามกฎหมายตลอดจนสถานะบุคคลและสิทธิในทางทรัพย์สินของผู้นั้นโดยตรง กรณีตามตัวอย่างที่ผู้คัดค้านทั้งสามอ้างมานั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านทั้งสามคาดการณ์ล่วงหน้าไปเอง
ฎีกาผู้คัดค้านทั้งสามประการสุดท้ายที่ว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งสามหรือเป็นของจำเลยที่ 2 เห็นว่า จากพยานหลักฐานที่ผู้คัดค้านทั้งสามนำสืบมาไม่น่าเชื่อว่านายเจริญเป็นผู้ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้ผู้คัดค้านทั้งสาม แต่ข้อเท็จจริงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแล้วจดทะเบียนใส่ชื่อผู้คัดค้านทั้งสามเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนโดยไม่มีค่าตอบแทน ชอบที่ผู้ร้องจะร้องขอให้เพิกถอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งผู้ร้องชอบที่จะขอให้เพิกถอนการกระทำได้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสามฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้คัดค้านทั้งสามชดใช้ดอกเบี้ยในราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทนับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ในกรณีหากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ และที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความให้ผู้คัดค้านทั้งสามใช้แทนผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การเพิกถอนการโอนหรือการกระทำเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนก็ยังถือเป็นการโอนหรือการกระทำโดยชอบอยู่ จึงถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านทั้งสามต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ย ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนหรือการกระทำเป็นต้นไป ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และเนื่องจากผู้ร้องว่าความเองในศาลชั้นต้น จึงไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่าทนายความให้ ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความให้ผู้คัดค้านทั้งสามใช้แทนผู้ร้อง จึงไม่ชอบศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในส่วนดอกเบี้ยให้ผู้คัดค้านทั้งสามชำระนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ไม่กำหนดค่าทนายความให้ผู้คัดค้านทั้งสามใช้แทนในศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share