คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ในวันที่ 20 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2508 เวลา 3 นาฬิกาเศษ วันเวลาตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับเวลาดังที่กล่าวในฟ้อง ดังนี้ วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่รายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๐ เวลากลางคืนก่อนเที่ยงมีคนร้ายลักจักรยานของนายจี่ไป เวลากลางวันมีเจ้าพนักงานกับพวกเจ้าทรัพย์พบรถจักรยานดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๑ ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีไปอีก ๑ คน ได้ร่วมกันลักรถหรือรับรถดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗, ๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าคืนหนึ่งเวลา ๔ นาฬิกาเศษ จำเลยที่ ๒ กับนายจงจูงจักรยานคันเกิดเหตุมาฝากจำเลยที่ ๑ โดยขอฝากไว้เดี๋ยว แล้วก็ไป สักพักหนึ่งตำรวจมาค้นรถที่บ้านจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่บอก ตำรวจค้นไม่พบแล้วพากันไป อีกพักหนึ่งตำรวจจึงจับจำเลยที่ ๒ และนายจงมาที่บ้านจำเลย แล้วจึงค้นรถได้ที่บ้านจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า คืนหนึ่งเวลาเกือบ ๕ นาฬิกา นายจงมาปลุกจำเลยที่ ๒ ชวนไปบ้านจำเลยที่ ๑ แล้วนายจงขี่จักรยานไปฝากบ้านจำเลยที่ ๑ ฝากแล้วก็กลับสักพักหนึ่งตำรวจจึงมาจับจำเลยที่ ๒ จึงทราบว่านายจงลักรถมา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ยังลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์ยังไม่ได้ ส่วนข้อหาฐานรับของโจร ได้ความจากคำให้การของจำเลยเองประกอบกับข้อนำสืบของโจทก์ เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานรับของโจร พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้คนละ ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาฐานลักทรัพย์เป็นอันยุติมาแต่ศาลชั้นต้นแล้ว ว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนข้อหาฐานรับของโจรศาลฎีกาเชื่อว่าพฤติการณ์ทั้งหลายฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้รับรถจักรยานของผู้เสียหายไว้จากจำเลยที่ ๒ และนายจงโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา ปัญหาต่อไปมีว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์รับของโจรในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้รับรถจักรยานดังกล่าวไว้เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๐๘ เวลา ๓ นาฬิกาเศษ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ วันเวลาที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับวันเวลาดังที่กล่าวในฟ้อง ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าวันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยรับว่าได้รับรถจักรยานของกลางรายนี้ไว้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวได้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share