คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พะยานวิธีพิจารณาแพ่ง กฎหมายปิดปาก เดิมโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้เดียวภายหลังเอาจำเลยตั้ง 2 เข้าชื่อเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ด้วยเพื่อสดวกแก่การทำสัญญาทำป่าไม้กับลูกหนี้เมื่อลูกหนึ้ผิดสัญญา โจทก์กับจำเลยเข้าขื่อกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้ จนศาลพิพากษาให้ชนะคดีแล้วภายหลังโจทก์จะมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าหนี้รายนี้ ตนเป็นเจ้าหนี้ผู้เดียวไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้เนื่องมาจากโจทก์กับจำเลยทั้ง ๒ เข้าชื่อเป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องผู้รับมฤดกของ ร. ฐานผิดสัญญาจ้างเหมาตัดฟันชักลากไม้ขอนสักแล้วได้ทำยอมกันต่อศาลใช้เงินให้โจทก์ปรากฎตามคดีที่ ๖๙/๒๕๗๐ แล้วโจทก์กับจำเลยทั้ง ๒ ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในกองมฤดกของ บ. เป็นเงิน ๓๒,๘๙๖ บาท ๗๕ สตางค์
ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยคดีนี้ว่าหนี้สินตามคำพิพากษาท้ายยอมในคดีที่ ๖๙/๒๔๗๐ นั้นเป็นคุณแก่โจทก์ผู้เดียว แลโจทก์ขอสืบพะยานว่า หนี้สินตามคำพิพากษาท้ายยอมนั้น มีมูลเดิมมาจากหนี้สินซึ่งโจทก์ผู้เดียวเป็นเจ้าหนี้ บ. แลกองมฤดกของ บ.ตกทอดมาเป็นของ ร. ๆ จึงทำสัญญาให้โจทก์กับจำเลยทั้ง ๒ นี้เป็นผู้รับจ้างชักลากไม้ ให้หักเอาด่าไม้ไว้ชำระหนี้เป็นปี ๆ ไป แล้วจึงได้มีการผิดสัญญารายนี้ขึ้น
ศาลชั้นต้นแลศาลอุทธรณ์ไม่ยอมให้โจทก์สืบพะยานเปลี่ยนแปลงผิดไปจากคำพิพากษาในคดีที่ ๖๙/๒๔๗๐ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยต่างก็เป็นคู่สัญญาร่วมกัน แลเป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องผู้ติดสัญญาแลผู้ผิดสัญญาก็ยอมใช้หนี้ให้โจทก์ร่วมกันมิได้แบ่งแยก ซึ่งต่างก็ยอมรับเป็นเจ้าหนี้ร่วมกันมา และยอมให้ศาลพิพากษาไปดังนี้ก็ต้องฟังว่าต่างเป็นเจ้าหนี้ โจทก์จะกลับเถียงว่าหนี้นั้นเป็นคุณแก่โจทก์ผู้เดียว โดยขอสืบว่าจำเลยไม่มีส่วนได้ด้วย จึงเป็นการสืบโต้เถียงข้อความอันได้พิพากษาแล้วแม้จะเป็นการเถียงระหว่างโจทก์ต่อโจทก์กันเองก็ก็เป็นโจทก์ร่วมกันและแทนกันในคดีเดียวกันนั้นเอง คำพิพากษาย่อมมัดเป็นเด็ดขาดว่าโจทก์ทุกคนเป็นเจ้าหนี้จำเลยการจะโต้เถียงต่างออกไปจากนี้ก็เท่ากับรื้อฟื้นคำพิพากษานั้นขึ้นมาให้ศาลวินิจฉัยใหม่เป็นผิดด้วยวิธีพิจารณา จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share