แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยทำปลอมเงินตราเป็นเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาทซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และจำเลยมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 244 กับจำเลยทำและมีเครื่องมือและวัตถุสำหรับทำปลอมเงินตราดังกล่าวด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 246 จำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และได้กระทำผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246 เกี่ยวกับเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นด้วยซึ่งความผิดตาม มาตรา 244 มาตรา 246 บัญญัติไว้ในลักษณะ 7 หมวด 1 หมวดเดียวกับมาตรา 240 ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และศาลลงโทษตามมาตรา 240 แล้ว จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้ เพราะมาตรา 248 บัญญัติให้ลงโทษแต่กระทงเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2518 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2518 เวลากลางวันและกลางคืน จำเลยทำและมีแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาท เครื่องอุปกรณ์หลายชิ้นสำหรับปลอมเงินตราชนิดเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาท ซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อใช้ปลอมเงินตราดังกล่าว และจำเลยใช้เครื่องมือดังกล่าวทำปลอมซึ่งเงินตราเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาอันละห้าบาท ซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้ และมีเงินตราชนิดเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาทจำนวน 10 เหรียญ ที่จำเลยทำปลอมขึ้น เพื่อนำออกใช้โดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมขึ้น เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาอันละห้าบาท จำนวน 10 เหรียญ แบบพิมพ์สำหรับปลอมเหรียญกษาปณ์ 2 แบบพิมพ์ ทรายสำหรับขัดเหรียญ 1 ขวด เศษดีบุก 1 กิโลกรัมเตาสำหรับหลอมดีบุก 1 เตา ตะหลิวสำหรับหลอมดีบุก 4 อัน กรอบสังกะสีสำหรับประกอบแบบพิมพ์ 3 อัน ปูนปลาสเตอร์สำหรับหล่อบล๊อก 6 ถุง ช้อนสำหรับตักปูนปลาสเตอร์ 1 ช้อนกระจกสำหรับหล่อแบบพิมพ์ 1 แผ่น หม้ออะลูมิเนียม 1 ใบ ซึ่งเป็นเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง เหตุเกิดที่ตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 244, 246 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้อง หลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 244, 246 ลงโทษตามมาตรา 240 จำคุก 12 ปี ตามมาตรา 246 จำคุก 6 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 244, 246 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 240 กระทงเดียวตามมาตรา 248 จำคุก 12 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา คงจำคุก 6 ปี นอกจากที่แก้ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 248 บัญญัติว่า”ถ้าผู้กระทำผิดตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247 ได้กระทำผิดตามมาตราอื่นที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมหรือแปลงนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247 แต่กระทงเดียว จำเลยทำปลอมเงินตราเป็นเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาท ซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้ เป็นความผิดตามมาตรา 240 และจำเลยมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 244 กับจำเลยทำและมีเครื่องมือและวัตถุสำหรับปลอมเงินตราดังกล่าวด้วยเป็นความผิดตามมาตรา 246 จำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และได้กระทำผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246 เกี่ยวกับเงินตราที่จำเลยได้ทำปลอมขึ้นด้วย ซึ่งความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246บัญญัติไว้ในลักษณะ 7 หมวด 1 หมวดเดียวกับมาตรา 240 ดังนั้นเมื่อจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 240 และศาลลงโทษตามมาตรา 240 แล้ว จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้ เพราะมาตรา 248 บัญญัติให้ลงโทษ แต่กระทงเดียว
พิพากษายืน