แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในร้านขอซื้อสุราเจ้าของร้านบอกว่าหมดเวลาแล้วขายไม่ได้ จำเลยพูดว่าไม่ขายก็จะเอาไปกินเฉยๆ จะทำอะไรเขา แล้วจำเลยหยิบขวดสุราออกจากร้านไปด้วย ดังนี้เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเข้าองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ย่อยาว
คดีมีประเด็นสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 3 ซึ่งได้ความว่า จำเลยที่ 3 พร้อมด้วยจำเลยที่ 1, 2 ได้ไปที่ร้านผู้เสียหายจำเลยที่ 1-3 พูดขอซื้อสุราแม่โขงครึ่งขวด ผู้เสียหายว่า หมดเวลาแล้วขายไม่ได้จำเลยที่ 3 พูดว่า ไม่ขายก็จะเอาไปกินเฉย ๆ จะทำอะไรเขา แล้วหยิบสุราแม่โขงครึ่งขวดซึ่งตั้งอยู่ที่ขายเดินออกไปแล้วพากันขึ้นรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 3 กับพวกได้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 83
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีผิดตามฟ้อง จำคุก 3 ปียกฟ้องจำเลยที่ 1-2
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 3 มีผิดตามมาตรา 334 จำคุก 8 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 3 หยิบสุราแม่โขงครึ่งขวดของผู้เสียหายไปต่อหน้าผู้เสียหายแล้วเดินออกจากร้าน เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเข้าองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์แล้ว
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น