คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้รถยนตร์เดินผ่านที่นาของผู้อื่นมาเกิน 10 ปี อาจได้อำนาจในภาระจำยอม ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.172 ในคดีแพ่งคำบรรยายฟ้องสำคัญยิ่งกว่าบทกฎหมายที่อ้าง บทกฎหมายนั้นจะอ้างหรือไม่ก็ได้ และในกรณีที่ศาลถามและโจทก์ แถลงว่าฟ้องโดยอาศัยกฎหมายบทหนึ่ง แม้กฎหมายที่อ้างนั้นไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ศาลก็ต้องวินิจฉัยคำบรรยายในฟ้องว่าเข้าบทกฎหมายอื่นหรือไม่

ย่อยาว

คดีนี้ ฮ. จำเลยเป็นผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งร้านขายฝิ่น ช.จำเลยเป็นลูกจ้างดูแลร้านฝิ่น โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้ง ๒ นี้ สมคบกันมีฝิ่นแลมูลฝิ่นไว้เกินกว่าที่เจ้าพนักงานกำหนดให้ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ ม.๓๕ – ๕๓ – ๕๗ – ๖๖ -๖๙
จำเลยทั้ง ๒ ให้การรับสารภาพ
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้ปรับจำเลยทั้ง ๒ ตามกฎหมายข้างต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อหาฐานมีฝิ่นเกินบัญชีนั้นตาม ม.๕๗ ข้อ ๒ ผู้ที่จะได้รับโทษฐานมีฝิ่นเกินบัญชีคือผู้ที่ได้รับอนุญาตตั้งร้านฝิ่น จึงควรเข้าใจว่าความผิดทางอาญาฐานนี้ตกอยู่แก่ผู้รับอนุญาตตั้งร้านฝิ่นแต่ผู้เดียวฉะนั้น ฮ. จำเลยต้องรับผิดแต่ผู้เดียว แม้ว่า ช. จำเลยผู้เป็นลูกจ้างได้รับสารภาพในความผิดกะทงนี้ด้วยก็ตามแต่การรับสารภาพหามีมูลทำให้เกิดความรับผิดชอบขึ้นไม่ ส่วนข้อหาที่ว่ามีกล้องสูบฝิ่นเกินจำนวนตามมาตรา ๖๖ นั้นเห็นว่าความผิดกะทงนี้เป็นผิดฉะเพาะผู้ที่มีกล้องสูบฝิ่นอยู่ในครอบครอง ในคดีนี้คือ ฮ. จำเลยผู้ได้รับอนุญาตตั้งร้านฝิ่น จะว่า ช. จำเลยเป็นตัวการในการกระทำผิดด้วยไม่ได้เพราะไม่ปรากฎว่ากล้องสูบฝิ่นอยู่ในครอบครองต่างหากของ ช.จำเลย แม้ ช. จะรับสารภาพก็หามีผิดในกะทงนี้ไม่ จึง พิพากษาให้ปล่อย ช.จำเลย แลให้ปรับ ฮ. จำเลยยืนตามศาลชั้นต้น

Share