คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2469

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถืออาวุธเข้าค้น ทรัพย์อยู่ในตัว ถือว่าขู่ ตัวการแบ่งน่าที่กันทำ.

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเปนต้นคิดไปหลอกลวง ช. ว่า ญาติของจำเลยต้องการขายทองรูปพรรณ จึงตกลงนัดให้ ช. ไปซื้อในวันรุ่งขึ้น แลบอกให้ ช. พกเงินไปด้วย ครั้นวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกก็มารับ ช. และขึ้นรถไปด้วยกัน พอถึงสะพานดำ รถก็เลี้ยวเข้าตรอก แล้ว ช. ก็ลงเดินตามจำเลยไปในตรอก พบชายแต่งเครื่องแบบตำรวจเข้ามาพูดซุบซิบกับจำเลย แล้วชายแต่งเครื่องแบบก็เข้ามาค้นสิ่งของที่ในตัว ช. กับพวกของ ช. ช. ไม่ยอมให้ค้น ทันใดนั้นมีชาย ๕ คน ซึ่งแอบอยู่ริมทาง ในตรองถือดาบปลายแหลมคนละเล่ม พากันเข้ามาจับ ช. และพวกของ ช. แล้วช่วยกันค้นทรัพย์ได้ทรัพย์ไป ๕๙ บาท แล้วจำเลยก็วิ่งหนีออกหน้า ส่วนพวกขอจำเลยก็วิ่งตามไปทางเดียวกัน ศาลอาญาตัดสินลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา ๒๙๓ กับให้ใช้ทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ว่า คดีนี้เป็นคดีปล้นทรัพย์ แต่เห็นว่าจำเลยเป็นผู้สมรู้ เพราะไม่ได้ลงมือทำอะไร การที่จำเลยล่อลวงเจ้าทรัพย์ไปเป็นการอุปการะเท่านั้น
ฎีกาตัดสินว่า จำเลยมีผิดฐานปล้นทรัพย์ เพราะกิริยาที่พวกของจำเลยถืออาวุธเข้าจับเจ้าทรัพย์ค้นเก็บเอาทรัพย์ไปนั้น เป็นการใช้กำลังและใช้อาวุธอยู่ในตัว แต่เห็นว่าจำเลยควรเป็นตัวการ เพราะเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น จำเลยเป็นผู้ต้นคิด เป็นเรื่องผู้ร้ายแบ่งน่าที่กันทำ เวลาเกิดเหตุจำเลยก็อยู่ด้วย จึงตัดสินแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์ ตามมาตรา ๓๐๑ – ๖๓ กับให้ใช้ทรัพย์ถ้าไม่มีใช้ให้จัดการตาม ม.๑๘.

Share