คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็ค และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สลักหลังเช็คให้ชำระเงินตามเช็คพิพาท แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค เพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค จำนวนเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ สลักหลังเพื่อชำระหนี้ให้กับโจทก์ นายสุรกิจ และนายสุรกิจได้นำมาชำระหนี้โจทก์ต่อ โจทก์เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย อ้างว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่เหมือนตัวอย่างที่ให้ไว้ โจทก์ติดต่อทวงถามจำเลยทั้งสองแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเป็นเงิน ๔,๘๗๕ บาท ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ๖๙,๘๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ มอบเช็คพิพาทที่ไม่มีข้อความใด ๆ ให้จำเลยที่ ๒ ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันตามสัญญาจ้างทำงาน โจทก์กับผู้อื่นสมคบกันกรอกข้อความและปลอมลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑ ลงในเช็ค นายสุรกิจไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ หากแต่อาศัยชื่อโจทก์เป็นผู้ฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่มีหนี้สินกับนายสุรกิจ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้นำเช็คพิพาทชำระหนี้นายสุรกิจ เช็คพิพาทของจำเลยที่ ๑ เป็นเช็คเปล่า ๆ ไม่มีข้อความ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้สลักหลังและลายมือชื่อจำเลยที่ ๒ ในเช็คนั้นปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าเช็คพิพาทจำเลยที่ ๑ มิได้เป็นผู้สั่งจ่าย คงมีแต่จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลัง ซึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คนั้น พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๖๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทมอบให้นายสุรกิจเพื่อชำระหนี้ แล้วนายสุรกิจนำเช็คนั้นไปแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อเช็คนำไปขอรับเงินไม่ได้ จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้สลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องรับผิดใช้เงินนั้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๒๑, ๙๔๐ และมาตรา ๙๘๙ ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น เพราะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่าย จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดนั้น เห็นว่าแม้จำเลยที่ ๑ จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คเพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คก็ตาม แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายไว้ดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น หาใช่ไม่มีมูลหนี้ดังจำเลยอ้างไม่ ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้จำเลยที่ ๒ รับผิดต่อโจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share