คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9173/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลาหนึ่งปี และให้มีการเลือกตั้งใหม่ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 96 โดยให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ไม่เกินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยด้วย คำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลบังคับเด็ดขาดเฉพาะกรณีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลาหนึ่งปีและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันเกี่ยวกับในส่วนวิธีการและการจัดการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่ของโจทก์เท่านั้น แต่การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้บริการท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นกรณีที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับผิดในทางแพ่งจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลยุติธรรมที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความเสียก่อนว่าจำเลยกระทำการตามที่โจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ดังนั้น การที่โจทก์จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่องเขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ มิได้เกิดจากจำเลยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ ให้แก่โจทก์ตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 40,371 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ให้คืนค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความรวม 3 ครั้ง เป็นเงิน 1,650 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองว่ามีเหตุสมควรฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2546 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง ประกาศให้มีเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 12 ในวันที่ 24 สิงหาคม 2546 จำเลยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 หมายเลขประจำตัวผู้สมัครเลขที่ 1 หลังจากมีการเลือกตั้งแล้วจำเลยได้คะแนนสูงในลำดับที่ได้รับการเลือกตั้ง โจทก์ประกาศผลการเลือกตั้งให้จำเลยเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ต่อมานายอนันต์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาว่า จำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง โฆษณาหาเสียงในวันเวลาที่กฎหมายห้ามโฆษณาหาเสียง โจทก์ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำการเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 จึงมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลาหนึ่งปี สั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ จำนวน 1 คน โดยให้จำเลยรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ เสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 40,371 บาท
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้รับการร้องเรียนจากนายอนันต์ว่าการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2546 เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ถึง 24 สิงหาคม 2546 จำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลยโดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง โฆษณาหาเสียงในวันเวลาที่กฎหมายห้ามโฆษณาหาเสียง ต่อมาคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ได้สอบปากคำนายสุรพล นายสงคราม และนายสมาน แล้ว นายสุรพลให้การว่าพยานเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง 12 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 พยานเห็นจำเลยไปหาเสียงที่หมู่บ้านคุ้มทางรถไฟ จำเลยให้เงินไม่ทราบจำนวนแก่นายสงครามไปซื้อสุรามาแจกเพื่อนบ้าน และวันที่ 24 สิงหาคม 2546 เห็นจำเลยไปเดินหาเสียงที่หมู่บ้านดังกล่าวอีกครั้ง นายสงครามให้การว่า พยานเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 12 พยานไม่เคยได้รับเงินจากผู้สมัครรายใด และไม่พบว่ามีผู้ใดกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนนายสมานให้การว่าพยานเป็น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 12 และให้การมีข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันตามสำเนารายงานการสืบสวนสอบสวน ส่วนชั้นพิจารณาโจทก์มีนายคะเชนทร์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง และขณะเกิดเหตุเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งที่เกิดเหตุเป็นพยานเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ขณะเกิดเหตุพยานออกตรวจหน่วยเลือกตั้งในเขตทุกหน่วย เมื่อผ่านเขตเลือกตั้งที่ 12 เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งอยู่บริเวณศาลาพักเพื่อรอรถโดยสาร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนใกล้บ้านนายไพฑูรย์ ห่างจากเขตเลือกตั้งที่ 12 ประมาณครึ่งกิโลเมตร มีรถยนต์กระบะหนึ่งคันจอดอยู่ ไม่ทราบว่าเป็นรถของผู้ใด และไม่ทราบว่าชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 12 หรือไม่ อีกทั้งไม่ทราบว่ามีการแจกเงินหรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์ปากนี้ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง และโจทก์ไม่นำนายสุรพลมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่า นายสุรพลเห็นจำเลยไปหาเสียงที่หมู่บ้านคุ้มทางรถไฟแล้ว จำเลยให้เงินไม่ทราบจำนวนแก่นายสงครามไปซื้อสุรามาแจกเพื่อนบ้าน และวันที่ 24 สิงหาคม 2546 เห็นจำเลยไปเดินหาเสียงที่หมู่บ้านดังกล่าวอีกครั้ง อีกทั้งนายสงครามและนายสมานก็ได้ให้การปฏิเสธในชั้นคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนแล้วว่าไม่เคยได้รับเงินจากผู้สมัครรายใด และไม่พบว่ามีผู้ใดกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พยานโจทก์นอกจากนี้ไม่มีผู้ใดเห็นจำเลยมีพฤติการณ์ตามที่นายอนันต์ร้องเรียนดังกล่าว ประกอบกับจำเลยนำสืบว่าจำเลยไม่เคยแจกเงินซื้อเสียงหรือจัดรถส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ภายหลังจากเลือกตั้งแล้ว จำเลยกับนายไพฑูรย์ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องจำเลยและนายไพฑูรย์ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า อำนาจในการสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ถือว่าเป็นที่สุดและย่อมผูกพันศาลยุติธรรมด้วย ตามนัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 52/2546 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ทำการสืบสวนสอบสวนแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 โจทก์จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลาหนึ่งปี และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 96 นั้น โจทก์เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งใช้บังคับในขณะนั้น มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการที่เกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง เมื่อโจทก์พิจารณารายงานการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาและคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและปัญหาหรือข้อขัดแย้ง โดยใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้วเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 มีผลให้การเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และโจทก์ได้มีคำสั่งดังกล่าวข้างต้นโดยให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ไม่เกินค่าใช้จ่ายในการให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยด้วย ตามสำเนาบันทึกข้อความและคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง คำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลบังคับเด็ดขาดเฉพาะกรณีการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลาหนึ่งปีและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันเกี่ยวกับในส่วนวิธีการและการจัดการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่ของโจทก์เท่านั้น แต่การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นกรณีที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับผิดในทางแพ่ง โดยโจทก์อาศัยข้ออ้างว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งอันสืบเนื่องมาจากนายอนันต์ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งโฆษณาหาเสียงในวันเวลาที่กฎหมายห้ามโฆษณาหาเสียง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ จนเป็นเหตุให้โจทก์มีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยและให้มีการเลือกตั้งใหม่จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลยุติธรรมที่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความเสียก่อนว่าจำเลยกระทำการตามที่โจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้จำเลย โดยการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใด จัดรถรับส่งคนไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น ดังนั้น การที่โจทก์จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ จึงมิได้เกิดจากจำเลยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง เขตเลือกตั้งที่ 12 ใหม่ ให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share