คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องสอดที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยโต้แย้งว่าที่พิพาทรายเดียวกันนั้นเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ ต้องตามมาตรา 57 อนุมาตรา (1)ไม่ใช่ตามอนุมาตรา (2) ผู้ร้องสอดมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ ศาลจะยกมาตรา 29 วรรคท้ายมาใช้สั่งไม่อนุญาตโดยให้ไปฟ้องใหม่เป็นอีกสำนวนหนึ่งไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยทำนิติกรรมขายที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา ถ้าไม่สามารถปฏิบัติให้คืนราคากับใช้ค่าเสียหายระหว่างยังส่งหมายเรียกให้จำเลยไม่ได้ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้อง ๆ ขอเข้าเป็นจำเลยและได้ทำคำให้การยื่นมาด้วยว่า ที่ดินเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลย ๆ ไม่มีสิทธิเอาไปขายให้โจทก์ โจทก์คัดค้าน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันว่า หากได้แยกพิจารณาข้อหาตามฟ้องเดิมและตามคำร้องแล้ว จะสะดวกแก่การพิจารณา อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 29 จึงไม่อนุญาตให้ร้องสอดหากผู้ร้องจะคุ้มครองสิทธิของตน ก็ให้ฟ้องเป็นอีกสำนวนหนึ่ง

ผู้ร้องสอดฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องมีสิทธิที่จะเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดตามอนุมาตรา (1) แห่งมาตรา 57 ไม่ใช่อนุญาตรา (2) ข้อห้ามตามมาตรา 58 วรรค 2ไม่เกี่ยวกับผู้ร้องสอดในคดีนี้ทั้งคดียังไม่ปรากฏว่าจำเลยให้การประการใด จะให้ผู้ร้องไปฟ้องกับอีกสำนวนหนึ่งโดยอาศัยมาตรา 29 วรรคท้ายไม่ได้ผู้ร้องสอดในคดีนี้มีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไป

Share