แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 นำพินัยกรรมปลอมไปจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน เฉพาะส่วนของเจ้ามรดกมาเป็นของตนโดยทุจริต จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนนั้น และไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้ จำเลยที่ 2 รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ถอนการขายฝากแล้ว จำเลยที่ 2 ก้ไม่ได้กรรมสิทธิ์และจะยกเหตุที่กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนขึ้นอ้างหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลและเป็นทายาทโดยธรรมของนางต่วมซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่  ๕  ตุลาคม  ๒๕๑๖  และมีทรัพย์มรดกคือที่ดินโฉนดที่ ๖๖๘,  ๒๓๙๘  และสิทธิเรียกร้องเงินกู้อีก ๒๕,๐๐๐ บาท  โดยผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมไว้  โจทก์และนางเฉลี่ยว (บุตรผู้ตาย)  เป็นทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย  จำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินโฉนดที่ ๖๖๘  เฉพาะส่วนของผู้ตายเป็นของจำเลยที่ ๑  โดยอ้างว่านางต่วมทำพินัยกรรมลงวันที่  ๔  พฤษภาคม  ๒๕๑๖   ความจริงพินัยกรรมดังกล่าวจำเลยที่ ๑  กับพวกทำปลอมขึ้น  เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงจดทะเบียนให้  ต่อมาจำเลยที่ ๑  ได้นำที่ดินส่วนที่รับมรดกมาไปขายฝากแก่จำเลยที่ ๒  กำหนดไถ่ถอนวันที่  ๘  พฤศจิกายน  ๒๕๑๘  เมื่อพินัยกรรมดังกล่าวปลอม  จำเลยที่ ๑  จึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมนั้นและไม่มีอำนาจขายฝากที่ดินแลปงนี้แก่จำเลยที่ ๒   จำเลยที่ ๒ ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์  ขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอม  เพิกถอนการรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๖๖๘  ของจำเลยที่ ๑  เพิกถอนสัญญาขายฝาก  ให้จำเลยทั้งสองถอนชื่อออกจากโฉนดที่ ๖๖๘  ถ้าไม่จัดการให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยที่ ๑  ให้การว่า  พินัยกรรมตามฟ้องมิใช่พินัยกรรมปลอม
จำเลยที่ ๒  ให้การว่า  จำเลยที่ ๒  ไม่เกี่ยวข้องหรือทราบเรื่องพินัยกรรมปลอม  จำเลยที่ ๒  รับซื้อฝากที่ดินโฉนดที่ ๖๖๘  จากจำเลยที่ ๑  โดยสุจริต  เสียค่าตอบแทน  จดทะเบียนการขายฝากวันที่  ๘  พฤศจิกายน  ๒๕๑๗   กำหนดไถ่ถอน ๑ ปี  จำเลยที่ ๒  ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยสมบูรณ์
ศาลชั้นต้นฟังว่าพินัยกรรมตามฟ้องเป็นพินัยกรรมปลอม  จำเลยที่ ๑  นำพินัยกรรมปลอมไปจดทะเบียนรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๖๖๘ เป็นของตนโดยทุจริตก็เสมือนว่ามิได้มีนิติกรรมการโอนเกิดขึ้นเลย  จำเลยที่ ๑  ไม่มีกรรมสิทธิ์  ไม่มีสิทธิเอาที่ดินส่วนนี้ไปขายฝากแก่ใครได้  ไม่เกิดผลให้จำเลยที่ ๒  มีสิทธิตามนิติกรรมนั้น  พิพากษาว่าพินัยกรรมตามฟ้องเป็นพินัยกรรมปลอมให้เพิกถอนการรับมรดกของจำเลยที่ ๑ และสัญญาขายฝากตามฟ้อง  ให้จำเลยทั้งสองถอนชื่อออกจากโฉนดเลขที่  ๖๖๘  ถ้าจำเลยทั้งสองไม่จัดการถอนชื่อก็ให้เจ้าพนักงานถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากโฉนด
จำเลยที่ ๒  อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่  ๒  ฎีกาว่าจำเลยที่ ๒ รับซื้อฝากที่พิพาทโดยสุจริตเสียค่าตอบแทน  และจดทะเบียนสิทธิแล้ว  ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา ๔๙๑  และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๑๒๙๙  วรรคสอง,  ๑๓๐๐
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า  จำเลยที่ ๑  นำพินัยกรรมปลอม  ฉบับลงวันที่  ๔  พฤษภาคม  ๒๕๑๖  ไปจดทะเบียนรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๖๖๕๘  ฉบับเฉพาะส่วนของนางต่วมมาเป็นของตนโดยทุจริต   จำเลยที่ ๑ ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทส่วนนั้น  แล้ววินิจฉัยว่า  เมื่อจำเลยที่ ๒ ทำนิติกรรมรับซื้อฝากที่ดินมรดกส่วนของนางต่วมในโฉนดที่ ๖๖๘  ไว้จากจำเลยที่ ๑  ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์และไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้  จนพ้นกำหนดเวลาไถ่ถอนการขายฝาก  จำเลยที่ ๒  ผู้รับซื้อฝากก็ไม่ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์  จำเลยที่ ๒  จะยกเหตุที่กระทำโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนขึ้นอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์หาได้ไม่  เพราะจำเลยที่ ๑  ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์  จึงไม่มีอำนาจโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ใดได้
พิพากษายืน

