แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปลัดอำเภอกับผู้ช่วยนายด่านศุลกากร และศุลการักษ์ด้านศุลกากรสมคบกันจดข้อความเท็จลงในสมุดบัญชีและทำ รายงานเท็จรับรองการขนสินค้าขึ้นท่า ซึ่งความจริงสินค้ารายนั้นได้ถูกขนย้ายไปสิงคโปร์ โดยมิได้ผ่านการตรวจ รับของพวกจำเลยเลย ดังนี้ ย่อมเป็นการเสียหายแก่ทางราชการในหน้าที่ของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงต้องมีความ ผิดตาม าก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 230.
(อ้างฎีกาที่ 1450/2494)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๒๕, ๑๒๖, ๑๓๓, ๑๓๖, ๑๓๘ และ ๒๓๐.
จำเลยทั้ง ๕ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ – ๒ – ๓ – ๔ ผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๓๐ จำคุกคนละ ๕ ปี จำเลยที่ ๕ ไม่มีความผิดให้ปล่อยตัว
ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนในคดีนี้ คงพิพากษาแก้เฉพาะคดีนายเพียวจำเลยซึ่งพิจารณารวมกัน.
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ศาลทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยทั้ง ๔ นี้เป็นเจ้าพนักงาน คือจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นปลัด อำเภอ จำเลยที่ ๓ เป็นผู้ช่วยนายด่านศุลกากร จำเลยที่ ๔ เป็นศุลการักษ์ด่าน จำเลยทั้งสี่คนหนี้ได้สมคบกันใช้อำนาจ ในหน้าที่จดข้อความเท็จในสมุดบัญชีและทำรายงานเท็จ ความจริงข้าวเหนียวรายได้ถูกขนย้ายไปยังสิงคโปร์มิได้ผ่าน การตรวจรับของจำเลย จำเลยได้สมคบกันจดข้อความเท็จว่า ได้ผ่านการตรวจรับของจำเลยและทำรายงานเท็จ ศาล ฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยสมคบกันจดข้อความเท็จลงในสมุดบัญชี และทำรายงานเท็จตามข้อเท็จจริงดัง กล่าวนั้น ข้อความที่จำเลยจดลงในสมุดบัญชีและรายงานเท็จนั้น เป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยได้รับรองข้อความตามที่จำ เลยได้ทำบันทึกและรายงานเท็จ อันเป็นการเสียหายแก่ทางราชการในหน้าที่ของจำเลยโดยตรง จึงเป็นการผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๓๐ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.