คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9148/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ต่อมาจำเลยยื่น คำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง แม้จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งงดไต่สวนพยานจำเลยในชั้นขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบก็ตาม แต่ถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ศาลอุทธรณ์ก็ต้องมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น และอนุญาตให้จำเลย นำพยานเข้าไต่สวนเพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่จำเลยอ้างว่าศาลชั้นต้นทำผิดระเบียบหรือไม่ต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยจึงมีผลส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย
กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 363,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 300,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 17046 และ 17047 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกิน 63,750 บาท หากจำเลยไม่ชำระให้ ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนด ค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเนื่องจากส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิจารณาใหม่ โดยขอให้สั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การต่อไป
ระหว่างพิจารณานัดไต่สวนคำร้อง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2543 จำเลยนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาของทนายจำเลยมายื่นต่อศาลอ้างว่าทนายจำเลยป่วย โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลได้สั่งเลื่อนการพิจารณาคดีไปในวันที่ 20 เมษายน 2543 เวลา 13.30 นาฬิกา หลังจากนั้นทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 หลังจากวันนัดพิจารณาดังกล่าวเพียง 1 วัน โดยอ้างว่า ในวันที่ 20 เมษายน 2543 ทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลแขวงดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5933/2542 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ นายเพิ่มพล โจทก์ร่วม นายชัยรัตน์ จำเลย จึงขอเลื่อนการพิจารณาไปในวันที่ 24, 25, 26 หรือ 28 เมษายน 2543 แต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้น ครั้นถึงวันนัดพิจารณาในวันที่ 20 เมษายน 2543 จำเลยแถลงต่อศาลว่า ทนายจำเลยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถมาศาลได้ศาลชั้นต้นเห็นว่าในนัดที่แล้วจำเลยแถลงว่าจะนำพยานเข้าสืบโดยจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก จึงให้งดสืบพยานจำเลยและโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เนื่องจากยื่นอุทธรณ์โดยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้อุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ที่สั่งงดไต่สวนพยานจำเลยในชั้นขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบก็ตาม แต่ถ้าหากศาลอุทธรณ์ภาค 9 เห็นพ้องด้วยกับอุทธรณ์ของจำเลยแล้วก็ต้องมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดไต่สวนพยานจำเลย และอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าไต่สวนเพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่จำเลยอ้างว่าศาลชั้นต้นทำผิดระเบียบหรือไม่ต่อไป ดังนั้นอุทธรณ์ของจำเลยจึงมีผลส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์าเช่นนี้แล้ว จึงเป็นการอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share