คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยโต้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทอันเป็นของโจทก์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในทรัพย์พิพาทนั้นได้
จำเลยให้การลอยๆ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่เคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผลคำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขอสวมสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งยึดทรัพย์พิพาทอันเป็นของโจทก์ไว้ และโต้แย้งสิทธิโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท

จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ทั้งหมด โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายฮกแล้นลูกหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยเข้าสวมสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นการใช้สิทธิทางศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการรบกวนหรือละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในทรัพย์ที่จำเลยยึดห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องในทรัพย์พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นตามศาลชั้นต้น และเห็นต่อไปว่า จำเลยได้แถลงรับในรายงานศาลว่าโจทก์มีสิทธิในทรัพย์พิพาท 3 ใน 4 ส่วน เมื่อทรัพย์ 3 ใน 4 ส่วนนี้เป็นของโจทก์ ไม่ใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลขายทอดตลาดทรัพย์ส่วนของโจทก์ การตกลงแบ่งส่วนของโจทก์และของลูกหนี้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีเหตุแสดงว่าไม่สุจริต ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ตามคำให้การจำเลยกล่าวอ้างลอย ๆ ว่าเคลือบคลุมเคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผล จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 และฟ้องของโจทก์บรรยายข้อความตามข้อกล่าวหาแจ้งชัดพอที่จะให้เข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้แล้ว

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share