คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยหลอกลวงพาผู้เสียหายไปเพื่อลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์เมื่อพาไปถึงที่เกิดเหตุจำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน ยังมิทันได้กระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือลักทรัพย์ก็มีตำรวจมาค้นและจับจำเลยไปเสียก่อนเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ข้อ 14 และฉบับที่ 163 ข้อ 1

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงพยายามลักทรัพย์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 1 ปี คำให้การชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยังมิได้ลงมือกระทำความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุเวลาบ่าย ผู้เสียหายกำลังคอยรถยนต์โดยสารที่สี่แยกพาหุรัด จำเลยเข้าไปหาแล้วกล่าวหาว่าผู้เสียหายชกต่อยน้องชายจำเลย ขอให้ไปพบน้องชายจำเลยที่วัดสุทัศน์ฯ เพื่อชี้ตัว ระหว่างทางผู้เสียหายเอานาฬิกาข้อมือใส่กระเป๋ากางเกงไว้และมีเงินอยู่ 50 บาท เมื่อไปถึงหลังโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ ผู้เสียหายกับจำเลยนั่งคอยอยู่ราว 10 นาที มีตำรวจมาพบและค้นตัวคนทั้งสอง ผู้เสียหายจึงเล่าเรื่องให้ฟัง ตำรวจจึงจับจำเลย เมื่อสอบถามจำเลย จำเลยก็รับว่าจำเลยกับพวกลวงผู้เสียหายมาเพื่อชิงทรัพย์

วินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายไปที่หลังโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ นั้น ถึงหากจะฟังว่าเป็นเพราะจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายไปเพื่อจำเลยกับพวกจะลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน แล้วจำเลยยังมิได้ทันกระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือกระทำการลักทรัพย์ ก็มีตำรวจมาค้นตัวและจับจำเลยไปเสียก่อนเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ผู้เสียหายดังที่โจทก์ฎีกา

พิพากษายืน

Share